Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesThailand Criminal LawCriminal Jurisprudence Thailandประเทศจีนใช้ฐานข้อมูลเรื่อง “ผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา”ร่วมกันกับประเทศไทย จริงหรือ?

ประเทศจีนใช้ฐานข้อมูลเรื่อง “ผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา”ร่วมกันกับประเทศไทย จริงหรือ?

For the English transcript of this video, please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-criminal-law/criminal-jurisprudence-thailand/chinese-share-database-criminal-suspects-thailand/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงการที่ประเทศจีนใช้ฐานข้อมูลเรื่องผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา ร่วมกันกับทางการไทย ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้ เมื่อผมได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post, bangkokpost.com, บทความชื่อว่า: Thai brides flee as sweet talk sours. เจ้าสาวชาวไทยเผ่นหนีเมื่อคำพูดหวานๆหายไป ขอยกบทความโดยตรงดังนี้: “ทางการจีนยังได้เห็นชอบที่จะแบ่งปันข้อมูลกับ ตม.อีกด้วย โดยทางการจีนเห็นชอบที่จะใช้ฐานข้อมูลร่วมกันกับ ตม.ไทย เกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาที่จีนได้ออกหมายจับแล้ว และอาจหลบหนีมายังประเทศไทย" ก็เป็นตามนี้ครับ

ย้อนกลับไปค่อนข้างนานมาก ตั้งแต่สมัยที่ผมเขียน blog ก่อนถึงยุคที่การถ่ายทำวีดีโอจะทำให้การทำงานง่ายขึ้น ผมจำได้ว่า ตอนที่ระบบบังคับใช้กฎหมายของไทย โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าเมือง ได้เริ่มเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของ NCIC ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลระหว่างรัฐของสหรัฐฯเกี่ยวกับหมายจับอาชญากร ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อผู้คนที่จะมาประเทศไทย โดยเฉพาะกับผู้ที่กระทำความผิดทางเพศ ผู้ที่กระทำความผิดทางเพศจะถูกห้ามเข้าประเทศไทย เนื่องจาก มีระเบียบพิธีการจำนวนมากที่ริเริ่มโดยชาวอเมริกันและได้ติดต่อสื่อสารกับผู้ที่เกี่ยวข้องชาวไทย ซึ่งส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้

สิ่งที่อยากจะบอกจากวีดีโอเรื่องนี้คือ ผมสงสัยว่าการที่ทางการจีนพัฒนาไปสู่การใช้ฐานข้อมูลอาชญากรร่วมกันกับทางการไทยนั้น อาจจะทำให้เกิดผลที่ตามมาคล้ายคลึงกันก็ได้ ผมเดาว่าจะเป็นผลทำให้จำนวนอาชญากรชาวจีนที่จะเข้ามาในประเทศไทยลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไป ผมคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นานนักที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริงและนำเข้าสู่ระบบ on line ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้เราสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ผมคิดว่าปลายปีนี้คือ 2023 เราคงได้เห็นข้อแตกต่างในเรื่องการเข้าสู่ประเทศไทยของคนที่ถือสัญชาติจีน และหลังจากนั้นเราก็อาจจะเห็นสถานการณ์ที่คล้ายๆกันกับกรณีตัวอย่างที่จำนวนอาชญากรชาวอเมริกันเข้าประเทศไทยได้น้อยลง ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน คือจำนวนอาชญากรจากประเทศจีนที่จะเข้ามาในประเทศไทยจะลดน้อยลง