For the English transcript of this video please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-criminal-law/criminal-jurisprudence-thailand/thailand-not-safe-haven-criminals/

วีดีโอเรื่องนี้จะพูดถึงประเด็นที่ว่าประเทศไทยไม่ใช่ “ที่หลบภัย” สำหรับอาชญากร

ผมคิดที่จะทำวีดีโอเรื่องนี้หลังจากที่ได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Thai Examiner,จาก thaiexaminer.com, และผมขอแนะนำผู้ที่กำลังรับชมวีดีโอเรื่องนี้ ให้อ่านบทความนั้นเพราะหนังสือพิมพ์ Thai Examiner จะเจาะลึกในประเด็นต่างๆและผมจะยกข้อความของเขามาอ้างถึงบ่อยๆ แม้ว่าในเนื้อที่ข่าวทั้งหมดจะมีเนื้อหาสาระที่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในปริมาณที่เหมาะสมอยู่บ้างก็ตาม  เพราะฉะนั้นผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก ผมขอแนะนำให้ไปอ่านบทความนั้นเพิ่มเติม

ข้อความที่จะขอยกมาโดยตรงจากบทความที่มีหัวข้อว่า: “ตำรวจได้เตือนผู้หลบหนีชาวต่างชาติว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นที่หลบภัยสำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว หลังจากการจับกุมชาวอังกฤษผู้ที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก” กล่าวคือ: "เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ได้เตือนบรรดาอาชญากรต่างชาติว่า ต่อไปนี้จะมองว่าประเทศไทยเหมาะสำหรับเป็นที่หลบภัยสำหรับบรรดาอาชญากรทั้งหลายอีกต่อไปไม่ได้แล้ว หลังจากการจับกุมช่างถ่ายภาพนู้ดจากสก็อตแลนด์ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ในท้องที่บางละมุง พัทยาซึ่งเป็นการปฏฺบัติการร่วมระหว่างตำรวจอังกฤษกับตำรวจไทย อย่างไรก็ตาม บุคคลผู้นี้ สามารถหลบซ่อนอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายโดยไม่มีวีซ่าเป็นเวลาถึง 8 ปีตั้งแต่พฤษภาคม 2014 จนกระทั่งถูกจับกุมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม (ผมขอไม่ลงชื่อเพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน บุคคลผู้นี้คงเจอข้อหาหนักแน่นอนและผมไม่นิยมการลงชื่อจริงด้วย)”

ผมว่า กรณีนี้เป็นสิ่งที่หายาก เพราะดูเหมือนบุคคลผู้นี้จะเข้ามาก่อนที่ทางการไทยจะเริ่มเข้มงวดในมาตรการกวดขันการเข้าเมือง ประมาณว่าเขาสามารถเข้าประเทศมาและมุดหัวอยู่ต่อได้ ซึ่งตอนนี้มีความชัดเจนว่ามีความผิดในข้อหาละเมิดวีซ่า และจะต้องถูกส่งตัวกลับอังกฤษแน่นอนเพราะประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเป็นที่หลบภัยสำหรับบุคคลประเภทนี้

สิ่งที่อยากจะให้ได้ไปจากวีดีโอเรื่องนี้คือ ตอนแรกผมรู้สึกแปลกๆอยู่นิดหน่อย ทำให้ผมต้องเข้าไปดูในรายละเอียดเพราะมันมีประเด็นของเรื่องการเข้าเมืองอยู่ด้วย และจากที่เคยพูดไว้แล้วในวีดีโอม้วนอื่นว่า ตอนนี้ประเทศไทยมีการใช้ระบบตรวจผู้โดยสาร หรือ APPS (Advanced passenger processing system) ควบคู่กับระบบ PBIC ซึ่งจะเป็นระบบที่สามารถดึงข้อมูลทั้งหมดของผู้ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศขึ้นมาดูได้ กล่าวได้ว่าเป็นระบบที่ทันสมัยมาก ระบบนี้สามารถที่จะดูว่าใครทำอะไร ใครมาจากไหน และก่อนหน้านั้นทำอะไรมาก่อน เคยมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ผมจึงแปลกใจมากเมื่อผมอ่านหัวข้อของบทความนี้ แต่พอผมอ่านลึกลงไป ผมจึงเข้าใจว่า “อ๋อ ชายผู้นี้ พบวิธีที่จะหลบเข้าประเทศไทยได้ก่อนที่ระบบต่างๆจะเริ่มใช้งาน และตอนนี้หลบอยู่" แต่สิ่งที่อยากจะให้เข้าใจจากวีดีโอเรื่องนี้คือ ตำรวจไทยและกลไกเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของไทย ไม่ว่าจะเป็นกลไกการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ DSI ก็ตาม พวกเขาเข้มงวดจริงจังเกี่ยวกับการไม่อนุญาตให้อาชญากรต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย และถ้าหากเข้ามาก็จะค้นหาจนกว่าจะเจอ จากนั้นก็จะถูกควบคุมตัวและถูกส่งตัวกลับประเทศไปในที่สุด เพราะฉะนั้น จากนี้ต่อไป ถ้าจะเดินทางมาประเทศไทย ก็ต้องจดจำเรื่องนี้ไว้ให้ดี