Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesThailand Real Estate & Property LawJurisprudenceในประเทศไทยถ้ามีบุหรี่ไฟฟ้า ติดคุก 5 ปี จริงหรือ?

ในประเทศไทยถ้ามีบุหรี่ไฟฟ้า ติดคุก 5 ปี จริงหรือ?

For the English transcript of this video, please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-criminal-law/criminal-jurisprudence-thailand/5-years-prison-e-cigarettes-thailand/

วิดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงการถูกจำคุก 5 ปีในกรณีของบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนที่ทุกคนจะขวัญหนีดีฝ่อในเรื่องนี้ ขอผมเริ่มวิเคราะห์ก่อน ผมเคยทำวีดีโอไปแล้วเรื่องหนึ่งที่วิเคราะห์อย่างลึกมาก ก่อนที่เราจะอ้างอิงบทความ-ผมคิดว่าบทความนั้นมาจาก Coconuts–ซึ่งเป็นชุดการวิเคราะห์ที่ทำได้ดีมาก และเขามักจะอ้างถึงทนายคนไทยด้วย ซึ่งเดี๋ยวผมจะวิเคราะห์เพิ่มเติม แต่ผมขออธิบายก่อนว่าทำไมผมจึงคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้

ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้หลังจากที่ได้อ่านบทความใน the Thaiger, thethaiger.com, บทความชื่อว่า: Thailand offers rewards for reporting e-cigarette sellers and users. ประเทศไทยจะให้รางวัลแก่ผู้ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้จำหน่ายและผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า. ขอยกข้อความโดยตรงจากบทความดังนี้: "เพื่อเป็นการปราบปรามการใช้บุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลไทยได้ออกความริเริ่มแบบใหม่ โดยอนุญาตให้ประชาชนแจ้งข้อมูลผู้จำหน่ายและผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือโดยใช้ application “ทางรัฐ” โครงการนี้มีการเสนอรางวัลที่เป็นผลตอบแทนสูงโดยผู้ให้ข้อมูลอาจได้รับรางวัลถึง 60 % ของค่าปรับที่ได้จากผู้ต้องหา "ผมขออ่านทวนอีกครั้ง เอาล่ะ มาว่ากันต่อครับ "ผู้ที่ถูกจับกุมในข้อหาจำหน่าย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าโดยมีเจตนาเพื่อจำหน่าย จะถูกลงโทษสถานหนัก" ตรงประโยคนี้ต้องอ่านให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง"ถูกจับกุมในข้อหาจำหน่าย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าโดยมีเจตนาเพื่อจำหน่าย"–อย่างที่เราเคยพูดไว้แล้วในวีดีโอม้วนอื่นว่า เพียงแค่การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย คุณอาจจะไม่ถูกโยนเข้าคุก ก็ได้ แต่ถ้าหากคุณบังเอิญบินเข้ามาในประเทศไทยโดยที่คุณเป็นคนที่สูบบุหรี่ และมีบุหรี่ไฟฟ้าติดตัวมาด้วย แล้วเมื่อคุณผ่านด่านศุลกากรคุณก็ถูกปรับ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ที่ด่านศุลกากรก็คือ เจ้าหน้าที่จะยึดบุหรี่ไฟฟ้าของคุณ แต่กรณีที่คุณผ่านด่านศุลกากรมาได้ โดยมีบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในกระเป๋าโดยไม่มีใครเห็น ผมเชื่อว่ารัฐบาลคงจะมีอย่างอื่นที่จะต้องทำมากกว่าจะมานั่งล้อมวงตรวจหาบุหรี่ไฟฟ้า หรือ vapes, จะเรียกว่ายังไงก็ตาม ที่อาจจะซุกอยู่ในกระเป๋าเดินทาง เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวแล้ว ผมหวังว่าทุกคนคงจะไม่กังวลเรื่องนี้มากเกินไป

ตามที่เคยพูดไว้ในวิดีโอก่อนหน้านี้-ซึ่งผมจะนำลิงก์ใส่ให้ใต้วีดีโอเรื่องนี้–ในอดีตก็ได้มีการวิเคราะห์เรื่องนี้กันมาแล้ว แต่มันก็ยังคลุมเครืออยู่  เพราะมีผลประโยชน์จำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเทศไทยมีการผูกขาดกิจการยาสูบ คือกิจการยาสูบในประเทศไทยถูกมองว่าเป็นกิจการที่ผูกขาดในระดับหนึ่ง ซึ่งก็มีความหมาย และในบางแง่มุมก็มีความตั้งใจที่จะบังคับกิจการผูกขาดนั้น, แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ตอนนี้สถานะทางกฎหมายของเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ในขณะที่การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะไม่ผิด นี่เป็นความเข้าใจของผมในฐานะที่เป็นพลเมืองธรรมดาๆ ที่อยู่ในประเทศไทย คือการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญา คุณเพียงแต่เผอิญมีมันอยู่กับตัว; ตอนเดินทางเข้าประเทศ แล้วคุณก็เป็นผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า ผมเข้าใจมาตลอดว่าไม่มีใครสนใจและไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเป็นการใช้ส่วนตัว แต่ถ้าเป็นการนำเข้าก็ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งได้เขียนไว้ในบทความว่า เป็นความผิดทางศุลกากร และเป็นการละเมิดต่อกิจการยาสูบที่ผูกขาดด้วย และที่ตั้งข้อสังเกตุไว้ก็คือ จุดสำคัญคือมีเจตนาเพื่อการจำหน่าย และผมได้ชี้ว่า จะต้องไม่เป็นแบบนี้ คือ "โอ้ว ผมเพียงแต่นำเข้ามาทั้งหมดนั่นแหละ แต่ผมไม่ได้เอามาจำหน่ายนะ เพราะเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้ไม่มีปัญหา" ผมว่าคำแนะนำแบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ

ประเด็นหลักของผมคือ ผมไม่ได้ต้องการให้ทำให้นักท่องเที่ยวแตกตื่นตกใจเพราะคิดว่า "ตายแล้วถ้าบังเอิญผมมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในกระเป๋าเดินทาง ผมต้องติดคุกในประเทศไทย 5 ปี" คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ผมเคยพูดไว้ในวีดีโอม้วนอื่นในประเด็นนั้นแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ทางการกำลังเริ่มเข้มงวดกับเรื่องนี้ และผมก็คงไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ของการตั้งใจที่จะครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าหากใช้อย่างเปิดเผยหรือใช้อย่างกร่าง ต้องขอยืมข้อความจากกฎหมายของอเมริกันที่ว่า "การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเปิดเผยหรืออื้อฉาว เป็นเรื่องต้องห้ามในตอนนี้ แม้ว่ากฎหมายจะยังไม่ชัดเจนอยู่ก็ตาม" ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงไม่ทำแบบนั้น แต่ถ้าหากคุณมีบุหรี่ไฟฟ้าในกระเป๋าโดยที่ไม่ตั้งใจ และคุณมาถึงเมืองไทย ไม่มีใครที่จะโยนคุณเข้าคุก ประเด็นหลักจะอยู่ที่มีเจตนาเพื่อการจำหน่ายและการนำเข้า บทความได้กล่าวต่ออีกว่า: "ผู้กระทำผิดอาจจะต้องติดคุกถึง 5 ปี พร้อมทั้งถูกปรับเป็นจำนวน 4 เท่าของสินค้าที่อยู่ในครอบครอง ผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย จะเจอบทลงโทษที่รุนแรงกว่านี้ โดยอาจติดคุกถึง 10 ปีและถูกปรับถึง 5 เท่าของราคาสินค้าที่ลักลอบเข้ามา" ดังนั้น สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมในการจำหน่ายหรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าโดยมีเจตนาที่จะจำหน่าย; คือว่า ผู้ที่บังเอิญมีบุหรี่ไฟฟ้า 1 ชุดติดตัวเมื่อบินเข้ามา แล้วจะโดนข้อหาว่ามีเจตนาเพื่อจำหน่ายนั้น ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าคุณพกมา 5 ชุด อาจจะเป็นไปได้ แล้วคำถามคือ เส้นแบ่งมันอยู่ตรงไหน? สิ่งนี้ตอบยาก แต่อย่างไรก็ตาม เราจะคอยให้ข้อมูลในช่องรับฟังนี้ตามสถานการณ์