For the English transcript of this video, please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/visa-immigration-law/visa-news/alert-intense-scrutiny-foreigners-thai-travel-industry/

ที่จริงผมก็ลังเลที่จะใช้หัวข้อว่า “แจ้งเตือน”เพราะประเด็นนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติเพียงกลุ่มเล็ก แต่อย่างไรก็ตามผมก็คิดว่าเรื่องนี้รับประกันได้ว่ามีน้ำหนักมากอยู่พอสมควร เพราะใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกิจจกรรมนี้ ไม่ว่าจะรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ก็ตาม ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ, บังเอิญหรือไม่บังเอิญ ก็ตาม อาจจะเจอปัญหาใหญ่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องการที่จะดึงความสนใจให้คนมาฟังวีดีโอเรื่องนี้เพราะผมคิดว่ามีบางคน ซึ่งอาจจะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผิดต่อกฎหมายไทย แต่ชาวต่างชาติอีหลายคนที่คิดว่าสิ่งที่กระทำอยู่นั้นถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่เนื่องจากในประเทศไทยมันเป็นอาชีพสงวน และก็ยังมีข้อจำกัดมิให้คนต่างชาติทำงานในอาชีพบางอย่างในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งชาวต่างชาติเหล่านั้นอาจจะยังไม่ทราบและอาจจะทำให้ได้รับผลเลวร้ายอย่างมากตามมาก็เป็นได้ ผมขอเข้าเรื่องเลย 

ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้หลังจากที่ผมได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post bangkokpost.com, หัวข้อเรื่องว่า: Unwelcome rebirth of zero-dollar tours ทัวร์ศูนย์เหรียญอันไม่เป็นที่พึงปรารถนา ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ผมขอเล่าประวัติเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาหลายปีที่แล้ว เข้าใจว่าน่าจะไม่เกิน 1 ทศวรรษก็คือประมาณ 7-10 ปีที่แล้วที่เรื่องนี้จะเป็นข่าวเด่นในแถวหน้าและเป็นข่าวใหญ่พอสมควรอยู่พักหนึ่ง และมีผลลัพธ์ที่เลวร้ายอยู่พอสมควรต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยพื้นฐานแล้ว ทัวร์ศูนย์เหรียญคือ ชาวต่างชาติโพ้นทะเล หรือบริษัทท่องเที่ยวต่างชาติ พากรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่ๆมาเที่ยวประเทศไทย โดยจะเก็บเงินทั้งหมดไว้นอกประเทศ คือไม่นำเงินเข้ามาในประเทศไทย และจะพาคนเข้ามาในประเทศไทยแล้วจัดการในสิ่งต่างๆเพื่อให้มีการท่องเที่ยวโดยไม่มีการใช้จ่ายเงินภายในประเทศไทยแต่อย่างใด มันเป็นสิ่งที่สร้างความตกตะลึงอย่างมากให้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว เพราะมันถูกมองว่าเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมายเกี่ยวกับภาษีของประเทศไทย และผลที่ได้ ซึ่งคุณสามารถไปอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ Bangkok Post ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญนี้ ตำรวจไทยได้ติดตามกลุ่มคนพวกนั้นและได้ทำการจับกุมในที่สุด ผมจำได้ว่า มีคนหนึ่งที่เป็นผู้ดำเนินกิจการนี้ ก็จบลงด้วยการติดคุกมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะมองข้ามไปได้ 

ขอยกข้อความโดยตรงจากบทความดังนี้: "ยิ่งปล่อยให้ธุรกิจแบบนี้ดื้อด้านทำต่อไปอีกนานเท่าไร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยก็จะแย่ลงเท่านั้น" ซึ่งผู้กล่าวคือนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ATTA) กล่าวต่อ: "นายศิษฎิวัชร ได้กล่าวว่า ผู้ดำเนินกิจการท่องเที่ยวของไทยที่มีใบอนุญาต ได้ปรับปรุงกิจการของตนเพื่อที่จะให้บริการเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวที่จัดขึ้นเป็นรางวัลแก่พนังานในบริษัท หรือนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อการพักผ่อน เท่านั้น มากกว่าการที่จะมองหาเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ๆ การจับกุมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ผิดกฎหมายเพียง 1 หรือ 2 รายยังไม่เป็นการเพียงพอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องควานหาเครือข่ายทั้งหมดให้ได้ ซึ่งตามปกติแล้วผู้ประกอบการแต่ละคนจะมีธุรกิจที่แตกแขนงออกไปอีกอย่างน้อย 4-5 อย่าง นอกจากนี้ สมาคม ATTA ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์องค์กรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังหวังว่าจะได้มีโอกาสพบกับรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ในเร็วๆนี้เพื่อที่จะได้หารือกันในเรื่องนี้ต่อไป "

ส่วนตัวผม ผมคิดว่าถ้าหากมีการหารือกันในระดับรัฐมนตรีแล้ว น่าจะต้องเกิดผลตามมาอีกหลายอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่นี่คือเหตุผลที่ผมขึ้นหัวข้อว่า "แจ้งเตือน" ถ้าหากคุณเป็นคนต่างชาติและคุณทำงานอยู่ในภาคการท่องเที่ยว คุณควรที่จะระมัดระวังให้มากเพราะเป็นโอกาสที่ดี จริงๆแล้วมีความเป็นไปได้สูงมากที่คุณกำลังทำงานผิดกฎหมาย คุณกำลังทำงานอยู่นอกกรอบของอาชีพสงวน หรือกำลังทำงานที่ฝ่าฝืนต่อรายการอาชีพสงวน ถึงแม้คุณจะมีใบอนุญาตทำงานก็ตาม สิ่งนี้ต้องระลึกไว้ในใจอยู่เสมอ เพราะแม้คุณจะมีใบอนุญาตทำงาน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถที่จะทำงานในอาชีพที่สงวนไว้ได้