Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesThailand Real Estate & Property LawJurisprudenceสถานะในปัจจุบันเกี่ยวกับสงครามเงินสดในประเทศไทย

สถานะในปัจจุบันเกี่ยวกับสงครามเงินสดในประเทศไทย

For the English translation of the following video please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-real-estate-property-law/jurisprudence/another-update-war-cash-thailand/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่ผมและคนอื่นๆเรียกกันอย่าง สละสลวยว่า "สงครามเงินสด" เมื่อมานานมานี้ผมได้ทำวีดีโอไว้เรื่องหนึ่งที่ผมกล่าวถึงการที่ตู้ฝากเงินสดในประเทศไทยจะเริ่มใช้ระบบที่ผู้คนไม่สามารถที่จะฝากเงินสดโดยไม่ระบุชื่อแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างจะมีปัญหากับแนวคิดอันนี้ ที่อ้างว่า "เราต้องติดตามผู้ที่ฟอกเงิน!" ผมถามคนที่กำลังฝากเงินครั้งละไม่กี่พันบาทเข้าตู้ฝากเงินสดว่า เหตุผลที่ว่านั่นมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ? มันต้องกังวลขนาดนั้นเลยหรือ? แต่ก็เอาเถอะ

เหตุผลที่ผมทำวีดีโอเรื่องนี้เพราะผมได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Thai Examiner, thaiexaminer.com, หัวข้อเรื่อง: ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเงินสดและเงินเหรียญสหรัฐฯ ด้วยแผนการลดการหมุนเวียนของธนบัตรลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2026  ซึ่งประเด็นที่ผมจะพูดไม่เชิงเกี่ยวกับเงินเหรียญสหรัฐฯ แต่จะพูดในจุดที่เกี่ยวกับ "สงครามเงินสด" ผมขอแนะนำผู้คนที่รับชมวีดีโอเรื่องนี้ ให้อ่านข้อความนี้เพราะมีข้อมูลเยอะ และหนังสือพิมพ์ Thai Examiner มีบทวิเคราะห์เชิงลึกในหลายหัวข้อ ทั้งที่เป็นแบบเกี่ยวข้องโดยตรงและแบบเฉียดๆด้วย โดยผมขอยกข้อความมาโดยตรงดังนี้: "ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ในแผนที่จะลดปริมาณเงินสดที่หมุนเวียนในตลาดลงไป 50% ภายในปี 2026 เมื่อเทียบกับปลายปี 2021. การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นมาสัปดาห์หนึ่งแล้วหลังจากที่ธนาคารได้ออกประกาศนโยบายใหม่ซึ่งอภิปรายว่า การใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็คทรอนิค์มากขึ้นจะเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น และหลังจากที่ได้ลงนามในการบันทึกความเข้าใจกับธนาคารกลางของประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ในการที่จะนำระบบ QR Code มาใช้ในในระบบการชำระเงินระหว่าง 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเหรียญสหรัฐฯ" ผมมองว่าน่าสนใจในแง่ที่ว่า ระบบนี้สามารถทำงานได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเหรียญสหรัฐฯเลย

แต่ผมต้องบอกว่า เรื่องทั้งหมดนี่ค่อนข้างจะน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย ประเด็นแรกคือ มันตลกที่ไปกำหนดกรอบความคิดว่า "ทุกอย่างจะสะดวกขึ้น!" จริงหรือ? จะสะดวกกว่าการใช้เงินสดเลยหรือ? ผมไม่เคยเห็นว่าจะมีสื่อกลางการแลกเปลี่ยนใดที่จะสะดวกกว่าเงินสด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องสร้างระบบเงินสดขึ้นมา ก็เป็นเพราะผู้คนทั้งหลายเบื่อหน่ายกับการที่จะต้องลากถุงที่เต็มไปด้วยทองคำ หรือเงิน หรือทองแดงเพื่อที่จะไปทำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า ดังนั้นธนบัตรที่เป็นกระดาษจึงถูกสร้างขึ้น และพูดกันตรงๆ ผมมองไม่เห็นว่ามันจะไม่สะดวกอย่างไรโดยเฉพาะในประเทศไทยที่สามารถจะโอนเงินที่ธนาคารได้ตลอดเวลา ทำไมจะต้องลดปริมาณเงินสดหมุนเวียนลงไปครึ่งหนึ่ง? จริงๆแล้วมันจะสะดวกมากขึ้นอย่างไร? มันง่ายมากเลยที่จะมองเห็นถึงผลลัพธ์ของเรื่องนี้ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร ยังไงก็ตาม ผมไม่ได้เรียกร้องให้ประเทศไทยมาช่วยโดยตรง Fed Coin หรือสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลกลางในสหรัฐฯที่กำลังพูดถึงกันอยู่นั้น สำหรับผมแล้วผมมองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก  เพราะคุณจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการโอนเงินหรือการกระทำธุรกรรมทางด้านเศรษฐกิจ คือจะไม่เหลือความเป็นส่วนตัวเลย พูดกันตรงๆคือทุกคนจะอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องมีการทำธุรกรรมทางการเงินโดยราศจากความเป็นส่วนตัว และถ้าหากเรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ และสันนิษฐานว่าเขาต้องการลดปริมาณเงินสดหมุนเวียนลงครึ่งหนึ่ง จะใช้เวลานานแค่ไหนในการตัดเงินสดทีละครึ่ง จนจะไม่มีเงินสดหมุนเวียนเหลืออยู่เลย? ผมจำได้ในหนังเรื่อง Alien ตอนที่ไม่ค่อยดีนัก น่าจะประมาณ Alien 5 ที่มีการจ้างทหารรับจ้างเพื่อไปจับยานของมนุษย์ต่างดาวและรัฐบาลมีการจ้างแล้วต้องจ่ายเป็นเงินสดและผู้ชายที่ต้องนำเงินมาจ่ายกล่าวว่า "ผมไม่อยากจะบอกเลยว่าสิ่งนี้หามาได้ยากเพียงไหน มีแค่พวกคุณเท่านั้นที่ต้องการรับค่าจ้างเป็นเงินสด!" และชายอีกคนหนึ่งก็ตอบกลับว่า "ใช่ ใช่แล้ว มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ไม่ได้ยินดีที่จะให้ใครต่อใครมาล่วงรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่!" ซึ่งคำพูดนี้ผมเพียงแต่สรุปสั้นๆ

กล่าวโดยสรุปคือ การใช้เงินสดหมายถึงการมีความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง และผมเบื่อมากกับการอ้างว่า "คนชั่วร้ายสามารถนำมาใช้ในทางที่ผิด!" ใช่ ผมรู้ว่าคนชั่วร้ายสามารถที่จะนำหลายสิ่งมาใช้ในทางที่ผิด มันมีความเสี่ยงโดยธรรมชาติที่คุณต้องเจอในชีวิตอยู่แล้ว ตราบใดที่ตุณต้องการความเป็นส่วนตัว และผมจำได้เมื่อผมเรียนวันแรกของโรงเรียนกฎหมายและฟังเลคเชอร์เรื่องวิชาจริยธรรม ซึ่งผู้สอนในที่สุดก็เป็นศาสดาจารย์วิชาจริยธรรมซึ่งตอนผมเรียน ยังเป็นผู้พิพากษาในสหรัฐฯ และได้พูดถึงเรื่องเอกสิทธิ์ของทนายความ-ลูกความ ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะมันจะให้ความเป็นส่วนตัว ซึ่งสังคมมองว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่นเดียวกับการที่ผู้คนต่างต้องการ การรักษาความลับระหว่างหมอกับคนไข้ หรือระหว่างทนายความกับลูกความ หรือระหว่างบาดหลวงกับผู้ไถ่บาป เพราะจะเกิดผลประโยชน์ทางสังคมที่สูงกว่าเมื่อผู้คนรู้ว่าสามารถที่จะปรึกษากับหมอ กับทนายความ กับบาทหลวงเป็นการส่วนตัวได้ด้วยความมั่นใจ เพราะว่าเป็นสิทธิประโยชน์ที่ทุกคนในสังคมต้องการ ซึ่งผมคิดว่าเงินสดก็เช่นเดียวกัน และในการเลคเชอร์ อาจารย์ก็บอกว่าเอกสิทธิ์นั้นมีข้อเสียด้วยเพราะคนที่มีเอกสิทธิ์ก็สามารถที่จะนำเอกสิทธินั้นไปใช้ในทางที่ผิดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะ “ปล่อยให้ลูกของเราไหลไปกับน้ำที่อาบไม่ใช่หรือ” คือแม้จะมีส่วนที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งมันไปทั้งหมดเพราะสิ่งดีๆก็ยังมีอยู่ด้วย และเมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วก็เห็นว่า มันมีความเสี่ยงตามธรรมชาติอยู่แล้วในระดับหนึ่งของวิถีการเป็นมนุษย์ และผมมักจะรู้สึกขำเมื่อมีคนพูดว่า "เราต้องกำจัดเงินสดทั้งหมด เพราะมีผู้คนที่เลวร้ายอยู่ทั่วไป"ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็จะไม่มีความเป็นส่วนตัวเหลืออยู่เลยในชีวิตประจำวัน และผมขอถามว่าสังคมแบบนี้จะน่าอยู่หรือ?