Legal Services & Resources
Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.
Contact us: +66 2-266 3698
เราจะสามารถกล่าวโทษรัสเซียและยูเครนในเรื่องความตกต่ำของการท่องเที่ยวไทยได้จริงหรือ?
For the English Transcript of this video please go to the following link:
วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงสถานการณ์ในยูเครนและรัสเซีย ซึ่งผมขอแสดงความเห็นใจกับทุกคนในยูเครนและทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทุกคนที่จะได้รับผลกระทบอันเป็นอันตรายจากเรื่องนี้ เพราะมันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับทุกคน
ผมคิดถึงประเด็นนี้เมื่อผมอ่านบทความใน Pattaya Mail จาก pattayamail.com, หัวข้อเรื่องว่า สงครามในยูเครนบีบคั้นนักท่องเที่ยวรัสเซียในประเทศไทยมากกว่า โดยจะขอยกข้อความมาดังนี้: "ผลกระทบที่น่ารังเกียจที่เกิดขึ้นตามมาจากสงครามยูเครนได้คุกคามต่อหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งกิจการด้านการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติก็ได้รับการคุกคามจากการบุกรุกของรัสเซีย ซึ่งเป็นการเหนี่ยวรั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากตลาดดั้งเดิม หลักๆก็คือยุโรป ให้ไม่อยากเดินทาง”
ผมเห็นถึงประเด็นต่างๆในเรื่องนี้ โดยเฉพาะในเรื่องนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปซึ่งผมได้สังเกตุเห็นว่าจะมีผลกระทบ ผมไม่ได้ต้องการที่จะค่อนแคะ Pattaya Mail, เพราะผมก็เห็นเรื่องนี้ในสื่ออื่นๆด้วย เช่นในหน้า 1 ของบางกอกโพสต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่พูดถึงว่า สงครามนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อการท่องเที่ยวของไทย ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่ามันพาดหัวว่าอย่างไร แต่จำได้ว่ามันอยู่ในหน้า 1 เลย และคำถามของผมก็คือ "จริงหรือ?" สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่จะทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวของไทยหรือ ? เพราะผมคิดว่าการที่ปิดประเทศมา 2 ปี มีการจำกัดการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งต่อมาก็ได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆลงในระยะเวลาสั้นๆ และกลับมาห้ามอีกในเดือนธันวาคม ซึ่งผมได้สวดวิงวอนเลย สำหรับผมแล้วการพูดถึงสงครามรัสเซียยูเครนมันดูเหมือนกับการเป็น “ผู้ร้าย” ในเรื่องนี้ ใช่ ผมไม่โต้แย้งว่าสงครามนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบตามมา แต่น่าจะอยู่ในภูมิภาคนั้นมากกว่า และถ้าว่ากันด้วยความสัตย์จริงแล้ว การปิดประเทศน่าจะส่งผลร้ายมากกว่าทุกอย่าง
ผมจะไม่พูดว่า ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เมื่อ 2 ปีก่อน เพราะผมเองก็กังวลอยู่เหมือนกัน ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วและจะพูดอีกรอบหนึ่งว่า การกำหนดมาตรการบางอย่างก็สมควรที่จะทำ แต่ในปีที่ผ่านมาผมต้องถามว่าเมื่อไหร่มันจะจบและเมื่อไหร่จึงจะถึงจุดที่เราจะไม่ต้องมองระเบียบปฎิบัติต่างๆรอบๆตัว และตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามีผลประโยชน์ที่เห็นได้เด่นชัดจากมาตรการหลายอย่างที่เข้มงวดเหล่านี้ แล้วยังควรจะให้มีต่อไปอีกหรือเปล่า?” แต่หากจะพักประเด็นนั้นไว้ชั่วครู่แล้วกลับไปดูเรื่องปัญหาของสงคราม จะเห็นได้ชัดว่ากิจการท่องเที่ยวของรัสเซียจะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล รวมทั้งยูเครนด้วยแน่นอน แต่ก็เป็นในภูมิภาคนั้น สำหรับชาวยุโรปก็คงจะลังเลนิดหน่อยที่จะเดินทางไกลๆในเวลานี้ แต่ถ้าหากจะกล่าวโทษอย่างเต็มที่ในเรื่องการท่องเที่ยวของไทยที่อยู่ในขาลง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผมคิดว่าเราจะต้องดูที่เรื่องการปิดเศรษฐกิจในภาพรวม และการระงับเต็มรูปแบบในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถึงแม้จะมีการบริหารจัดการที่ดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นนัก โดยเฉพาะตั้งแต่มีนาคม 2022 ซึ่งประเทศอื่นก็เปิดประเทศแล้วอย่างเห็นได้ชัด และเปิดมากกว่าประเทศไทยด้วย ก็คงจะต้องดูอีกทีหนึ่งว่าประเทศไทยจะดูประเทศอื่นเป็นตัวอย่างและเริ่มที่จะดึงข้อจำกัดต่างๆเหล่านั้นออกหรือไม่
ในความคิดของผม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ เมื่อถึงจุดหนึ่งเราต้องกระทำต่อเรื่องนี้ในลักษณะของการเป็นโรคประจำถิ่นชนิดหนึ่งเท่านั้น เสร็จสิ้นกันเสียที แล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม ไม่ใช่ ปกติแบบใหม่ หรือ new normal ไม่ใช่บอกว่าใช้ชีวิตเหมือนปี 2020 แต่ต้องทำแบบนี้ แบบนั้นด้วย ไม่ใช่ครับ มันเป็นแค่โรคประจำถิ่น มันอยู่ตรงนั้นและเราจะต้องอยู่กับมันต่อไป ทุกอย่างจบลงแล้ว หวังว่าเราจะไปถึงจุดนั้นไม่ช้าก็เร็ว การที่จะไปกล่าวโทษสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นเหตุให้เกิดปัญหาด้านการท่องเที่ยวนั้น ผมคิดว่าเป็นการกล่าวที่ไม่ค่อยจะตรงไปตรงมาสักเท่าไหร่