Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesThailand Real Estate & Property LawJurisprudenceEEC ของไทยจะไปได้ถึงสุดขอบฟ้า หรือไม่?

EEC ของไทยจะไปได้ถึงสุดขอบฟ้า หรือไม่?

For the English transcript of this video please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-real-estate-property-law/jurisprudence/sky-limit-thailands-eastern-economic-corridor/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือที่เรียกสั้นๆว่า EEC ในประเทศไทย และเหตุผลที่ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้เพราะผมได้อ่านบทความจาก Nation, nationthailand.com, หัวข้อเรื่องว่า: Cabinet approves operational plan for trillion - Baht EEC Smart City project ครม.ให้ความเห็นชอบโครงการ เมืองอัจฉริยะระดับหมื่นล้านของ EEC โดยจะขอยกข้อความมาโดยตรงดังนี้: "โฆษกรัฐบาล คุณรัชดา ธนาดิเรก ได้กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการสำหรับโครงการศูนย์ธุรกิจและเมืองอัจฉริยะ มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท ใน EEC“ กล่าวต่อ:"โครงการนี้ เป็น mega project ลำดับที่ 5 ของ EEC ต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน โครงการขยายสนามบินอู่ตะเภา โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมที่มาบตาพุด ระยะที่ 3 และโครงการท่าเรือแหลมฉะบังระยะที่ 3”   

ผมขออ่านทวนอีกรอบหนึ่ง เพราะแค่นึกว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากมายแค่ไหนที่จะเกิดขึ้นที่นี่ ก็ทำให้ผมหัวหมุนมึนไปหมดแล้ว เขาบอกว่า โครงการนี้ เป็น mega project ลำดับที่ 5 ของ EEC ต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน โครงการขยายสนามบินอู่ตะเภา โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมที่มาบตาพุด ระยะที่3 และโครงการท่าเรือแหลมฉะบังระยะที่ 3 ฟังดูเยอะมากจริงๆ มันจะพัฒนาปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคของ EEC ให้ดีขึ้นมากทีเดียว 

บทความยังกล่าวต่ออีกว่า: "โครงการเมืองอัจฉริยะ ระยะเวลา 10 ปีจะแบ่งเป็น 3 ระยะด้วยกัน โดยระยะที่ 1 อยู่ระหว่างปี 2023-2027 ซึ่งจะเป็นการก่อสร้างศูนย์กลางธุรกิจและการเงิน รวมทั้งกลุ่มอาคารที่ทำงานของหน่วยงานภาครัฐและที่พักอาศัย บนพื้นที่ 5,795 ไร่ (ซึ่งเท่ากับ 40% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด) โครงการระยะที่ 2 ระหว่างปี 2028-2029 จะเป็นการขยายศูนย์กลางธุรกิจและศูนย์การแพทย์ที่จะสร้างอยู่บนพื้นที่ 4,250 ไร่ (29% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด) และโครงการระยะสุดท้ายอยู่ระหว่างปี 2030-2032 จะเป็นการก่อสร้างส่วนที่เหลือ บนพื้นที่ 4,570ไร่ (31%ของพื้นที่โครงการทั้งหมด) ซึ่งจะพัฒนาเป็นกลุ่มอาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้น"

ดูแล้วถือว่าเป็นการวางแผนที่ไม่เลวเลย มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาคาดหวังว่าพื้นที่บริเวณนี้จะกลายเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าที่สำคัญระหว่างเอเซียใต้ ก็คืออินเดีย แอฟริกาตะวันออก ตะวันนออกกลาง และเอเซียตะวันออกด้วย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นประเทศไทยก็จะกลายเป็นจุดศูนย์กลาง - ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอย่างไรถึงจะดีกว่านี้ - ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้คงจะไม่เกิดขึ้นเฉพาะในบริบทของการขนส่งลำเลียงทางทะเลเท่านั้น แต่จะครอบคลุมไปถึงการเดินทางโดยเครื่องบินและการขนส่งสินค้าทางอากาศด้วย ไม่ต้องพูดถึงการเดินทางภาคพื้นดิน และตามที่เคยพูดไว้แล้วในวีดีโอม้วนอื่นๆว่า โครงข่ายของทางรถไฟความเร็วสูงอีกจำนวนหนึ่งก็กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการบรรจบกันระหว่างกรุงเทพฯกับ EEC ซึ่งมันไม่ใช่แค่จะมีปฎิสัมพันธ์กับบรรดาท่าเรือต่างๆเท่านั้น แต่มันยังเป็นเส้นทางภาคพื้นดินที่จะทะลุไปถึงฝั่งอันดามันอีกด้วย โดยทั่วไป จะว่าไปแล้ว EEC เหมือนจะเป็นซี่ล้อที่อยู่ในวงล้อของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านของการขนส่งและการกระจายสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจและศูนย์กลางการเงิน เป็นเหมือนกับแมงมุมที่อยู่ตรงกลางของใยแมงมุม  ผมหมายถึงเรื่องใหญ่ๆกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆใน EEC ผมคิดว่า เมื่อถึงตอนที่ทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในทศวรรษนี้ แล้วเรามองย้อนกลับมาที่จุดนี้ เราจะพูดว่า "โอ้โห! มันสร้างได้รวดเร็วมากจริงๆ และเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภคของพื้นที่ในบริเวณนั้นทั้งหมดได้อย่างยิ่งใหญ่จริงๆ" และผมคาดว่า มันจะมีผลประโยชน์เกิดขึ้นอย่างมากมายสำหรับภาคธุรกิจในประเทศไทยต่อไปด้วย