Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesThailand Real Estate & Property LawJurisprudenceบัตรประชาชนดิจิตอลมีนัยของการควบคุมความเป็นส่วนตัวของประชาชนหรือไม่?

บัตรประชาชนดิจิตอลมีนัยของการควบคุมความเป็นส่วนตัวของประชาชนหรือไม่?

For the English transcript of this video please go to the following link: 

https://www.legal.co.th/resources/thailand-real-estate-property-law/jurisprudence/thai-digital-id-card-has-orwellian-implications/

วีดีโอม้วนนี้จะกล่าวถึง "บัตรประชาชนแบบดิจิตอล" ในประเทศไทย ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้หลังจากที่ได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post, bangkokpost.com, หัวข้อว่า: Government readies phone app digital IDs (รัฐบาลพร้อมแล้วสำหรับ app ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้กับบัตรประชาชนดิจิตอล) ขอยกข้อความมาโดยตรงดังนี้: "สำหรับประชาชนผู้ที่ใช้บริการสาธารณะที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ รัฐบาลจะเริ่มใช้บัตรประชาชนดิจิตอลผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมเป็นต้นไป บัตรประชาชนดิจิตอลจะเริ่มใช้กับหน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยก่อนเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นจะค่อยๆขยายไปยังองค์กรอื่นๆของรัฐรวมทั้งภาคเอกชน เช่นธนาคารพาณิชย์ต่างๆ คุณไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกรัฐบาล ได้กล่าวเมื่อวันจันทร์"

สิ่งนี้มีความหมายอย่างไร นั่นก็คือบัตรประชาชนของคนไทย ถือเป็นเอกสารหลักประเภทหนึ่งเหมือนกับทะเบียนบ้าน แต่ในชีวิตประจำวันเอกสารที่ต้องใช้เพื่อยืนยันอัตลักษณ์คือบัตรประชาชนไทยซึ่งจะมีข้อมูลหลากหลายเก็บไว้ในชิปที่ฝังอยู่ในบัตรประชาชน สิ่งที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเกิดขึ้นในขณะนี้คือ มีการสร้างสิ่งที่เทียบเท่ากันขึ้นมา เพื่อใช้กับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของประชาชน และประชาชนจะใช้เมื่อต้องการติดต่อกับรัฐบาล ผมเข้าใจได้ถึงด้านความสะดวกของสิ่งนี้ จริงๆแล้ว ผมไม่ได้พยายามที่จะเป็นพวกต่อต้านเทคโนโลยี หรือจะขัดแย้งเพราะสนุกกับการขัดแย้ง ซึ่งไม่ใช่เหตุผลที่ผมทำวีดีโอนี้ แต่ด้วยความสัตย์จริง สิ่งนี้อาจมีผลกระทบที่น่าขนหัวลุก เพราะถ้าหากคุณมีบัตรประชาชนที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาล และคุณอยู่ในโลกดิจิตอล ผมว่ามันมีเหตุผลมากมายที่น่าเป็นกังวลจริงๆ ผมเข้าใจว่าตอนนี้ไม่ใช่ยุคของกระดาษแล้ว ซึ่งน่าจะมีใครสักคนไปบอกหน่วยงานของรัฐเพราะหน่วยงานราชการต่างๆใช้กระดาษมากจริงๆ อาจจะมากพอที่จะทำลายป่าฝนแห่งหนึ่งก็ได้ แต่จุดที่ผมพยายามจะสื่อโดยไม่ได้ต้องการจะถากถางเสียดสีใคร ก็คือ การเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิตอลเหล่านี้ มันไม่ได้ทำได้ง่ายๆแบบนั้น มันอาจจะยากกว่าที่หลายคนได้คิดไว้จริงๆ ผมหมายถึงว่า สิ่งนี้มันไม่ได้ห่างจากระบบเครดิตที่ใช้อยู่ในประเทศจีนมากเลย ถามจริงๆว่าห่างแค่ไหน มันสามารถนำมาใช้ได้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากที่ทุกคนมีบัตรประชาชนแบบดิจิตอลแล้วอย่างนั้นหรือ? มันอยู่นอกขอบเขตของความเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ? 

ผมไม่ได้บอกว่าผมมีคำตอบทั้งหมด ผมเพียงแต่จะบอกว่ามันทำให้ผมรู้สึกกังวลและผมไม่คิดว่าผู้คนจะมองไปที่ผลกระทบระยะยาวของการทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทั้งหมดของคุณกลายเป็นระบบดิจิตอล และหลังจากนั้น จะมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลได้เพียงโดยใช้สื่อดิจิตอลเท่านั้น ซึ่งเราเห็นอยู่แล้วในระบบของธนาคาร ถ้าหากธนาคารทั้งหมดกลายเป็นระบบดิจิตอล จะมีอะไรที่จะไม่ให้ธนาคารบอกกับเราว่า "ครับ เราจะไม่จ่ายเงินของคุณให้คุณ" เมื่อคุณกำลังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วคุณต้องพึ่งเพียงโทรศัพท์หรือบัตร ATM หรืออะไรก็ตามที่เป็นดิจิตอลที่คุณจะต้องมีไว้เพื่อรับคูปองเพื่อดำเนินชีวิตตามปกติ ผมไม่ได้ดูแคลนเงินในระบบดิจิตอล หรืออะไรแบบนั้นนะ แต่ผมแค่มองเรื่องนี้จากมุมมองเชิงตรรกะล้วนๆ สถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ครับ นี่คือกลไกดิจิตอลหรือระบบดิจิตอลที่สามารถจ่ายเงินของคุณให้กับคุณ เพราะคุณไม่ต้องการที่จะหอบหิ้วเงินที่คุณเก็บไว้ตลิดชีวิตกับตัว เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนมาตีหัวและขโมยเงินไป แต่ก็สามารถพบกันครึ่งทางได้ การเปลี่ยนทั้งหมดให้เป็นดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบเป็นความสุดโต่งอยู่ฝั่งหนึ่ง แต่การที่คิดว่าจะให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ในระบบกระดาษและระบบอนาล็อกอีกครั้งนั้น ก็เป็นการมองแบบไร้เดียงสาด้วยเหมือนกัน และผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นด้วย ผมคิดว่าการเฝ้าติดตามเรื่องเกี่ยวกับดิจิตอล พร้อมทั้งตระหนักไปด้วยว่า น่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างในการเก็บรักษาความเป็น analog บางอย่างเอาไว้ ผมว่ามันน่าจะเป็นกระบวนทัศน์ที่ดีที่จะรักษามันไว้สำหรับอนาคต แต่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ต้องรอดูต่อไป