Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesThailand Real Estate & Property LawJurisprudenceข้อเสนอของ WHO ที่ให้พิจารณาสนธิสัญญาโรคระบาดจะเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของประเทศไทยหรือไม่?

ข้อเสนอของ WHO ที่ให้พิจารณาสนธิสัญญาโรคระบาดจะเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของประเทศไทยหรือไม่?

For the English transcript of this video please go to the following link: 

https://www.legal.co.th/resources/thailand-real-estate-property-law/jurisprudence/whos-proposed-pandemic-treaty-threat-thailands-sovereignty/

ผมได้อ่านข่าวมามากพอสมควรในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกี่ยวกับการที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO มีข้อเสนอให้พิจารณาเกี่ยวกับสนธิสัญญาโรคระบาด ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ผมก็เคยพูดถึงหัวข้อนี้มาบ้างแล้ว เมื่อวันก่อนผมได้อ่านบทความทั้งในหนังสือพิมพ์ New York Times และ Washington Post ซึ่งมีอยู่สองสามประเด็นในเรื่องนี้ แต่ผมจะไม่หยิบยกข้อความมาอ้างในวีดีโอม้วนนี้โดยตรงเพราะมันเป็นแค่บทวิจารณ์แสดงความคิดเห็นแต่เขาก็ชี้ประเด็นได้ดีทีเดียว บทความนี้กล่าวว่า สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด เพราะมันเป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาในการพิจารณาทบทวนให้รอบคอบ ซึ่งผมคิดว่าก็คงจะเป็นเช่นนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรจะให้ความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่ามันจะดี โดยเฉพาะในเวลาที่ กำลังพิจารณาในเรื่องที่เป็นกฎหมายใหญ่ๆ หรือข้อตกลงระหว่างชาติที่อาจจะมีผลกระทบกับผู้คนได้มากมาย

ขอพูดให้ชัดเจนก่อนว่า ผมคิดว่าเราคงต้องมองย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งอดแปลกใจไม่ได้ว่าเราทุกคนพร้อมใจกันเสียสติและปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ในระยะแรกเริ่มของเหตุการณ์นี้ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นและไม่มีใครรู้จักโรคระบาดนี้มาก่อน จึงมีหลักคิดว่าคงจะเป็นการถูกต้องที่จะต้องระมัดระวังด้วยความรอบคอบมากๆเอาไว้ก่อน แม้บางอย่างจะดูเหมือนว่าจะเกินๆไปหน่อยก็ตาม แต่พอสถานการณ์ผ่านไป ก็เป็นที่ชัดเจนว่า เรื่องนี้ถูกทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองในแง่มุมต่างๆมากมาย ผู้คนเริ่มสงสัยว่าไม่มีระบบราชการที่ชื่นชอบกับการได้อภิสิทธิ์ใหม่ๆที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้หรือ และผมบอกคุณได้ตรงๆเลยว่า คนที่มีเหตุมีผลก็จะตั้งคำถามว่ามันจำเป็นด้วยหรือกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ และต่อมาก็ปรากฎว่า มีการพูดที่เกินเลยความจริงไปอยู่มากทีเดียวในเรื่องนี้ ซึ่ง วีดีโอนี้จะไม่ได้เน้นในจุดนั้น อย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่พร้อมจะเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่หลายคนคิด แม้ว่าจะไม่ง่ายสำหรับผมที่จะคิดว่า เขาจะหาทางให้สัตยาบันในเรื่องนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ถ้าหากจะทำให้มันเป็นสนธิสัญญาขึ้นมาจริงๆเหมือนอย่างที่เขาปรารถนาจะให้มันเป็น หรือจะพยายามทำให้เป็นเพียงงานทางธุรการที่ต่างออกไป ทำให้เป็นหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง แล้วทำให้มันเป็นกฏขึ้นมา หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงในการบริหาร หรืออะไรสักอย่าง ขอกล่าวอีกครั้งหนึ่งคือถ้าออกมาเป็นสนธิสัญญาและผ่านตามขั้นตอนการพิจารณาอย่างถูกต้องโดยสภาสูงของสหรัฐฯ (US Senate) ผมก็จะไม่เกิดความกังวลด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เพราะนั่นเป็นวิธีการที่จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของมันในสหรัฐฯ

สำหรับประเทศไทยแล้ว มีบางอย่างที่ผมเกิดความกังวลหลังจากได้พูดคุยหารือกันในเรื่องนี้ กล่าวคือ กลุ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยและไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายไทยแต่อย่างใด แต่จะมีความสามารถในการควบคุมบงการประเทศไทยว่าสิ่งใดคือโรคระบาด และยังเห็นได้ชัดอีกด้วย และนี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่ผมอ่านพบในระยะต้นๆ ผมยังไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะกระชับเข้ามา แต่ก็หารือกันว่า "เราสามารถนำข้อมูลจากนอกประเทศมาใช้ได้" และ "เราไม่จำเป็นที่จะต้องปรึกษาหารือกับประเทศใดประเทศหนึ่งในขณะที่กำลังพิจารณาว่าโรคระบาดยังมีอยู่หรือไม่ หรือว่าจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดหรือไม่" สิ่งหนึ่งในหลายๆอย่างที่ผมรักมากเกี่ยวกับประเทศไทยและเหตุผลข้อหนึ่งที่ผมโอนสัญชาติเป็นคนไทยก็คือ ประเทศไทยมีความช่ำชองที่จะดำเนินการกับองค์กรสากลต่างๆ ตลอดจนตัวผู้เล่นนานาชาติไม่ว่าจะเป็นในสมัยล่าอาณานิคมถ้าจะมองย้อนกลับไปกว่า 100 ปีที่แล้ว หรือในยุคสงครามเย็นซึ่งเพิ่งผ่านมา 50 กว่าปี ในขณะเดียวกัน ประเด็นที่ผมชอบมากก็คือ ประเทศไทยจะกำหนดเส้นทางเดินของตนเองอยู่เสมอ คือจะมองว่าอะไรที่เหมาะกับประเทศไทยแล้วก็จะทำตามนั้น ซึ่งผมหวังว่าผู้กำหนดนโยบายในปัจจุบันจะคำนึงถึงสิ่งนี้อย่างจริงๆจังในระยะไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหารืออย่างเร่งด่วน เพราะเรื่องนี้เริ่มที่จะกระชับเข้ามาแล้ว  ประเทศไทยสามารถที่จะป้องกันตัวเองจากการล่าอาณานิคมมาแล้ว ซึ่งผมไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเหตุการณ์แบบเดียวกัน แต่ถ้ามีกลุ่มอำนาจนอกประเทศไทยมาสั่งให้ประเทศไทยทำนู่นทำนี่ เพียงแค่คิดผมก็จะเริ่มรู้สึกของขึ้นแล้ว ประเทศไทยสามารถดูแลตัวเองได้ และในความคิดของผม เราไม่จำเป็นต้องมีคนอื่นมาสั่งว่าเราควรทำอะไร ซึ่งผมว่าประเด็นนี้น่าคิดทีเดียว

ผมมองว่าหลายคนเริ่มที่จะเคร่งเครียดกับประเด็นนี้จนเกินไป ซึ่งผมว่าเรื่องมันยังไม่สุกงอมพอที่จะต้องเคร่งเครียดขนาดนั้นในเวลานี้ ผมไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล และไม่ได้บอกว่า ไม่ควรจะเฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ผมคิดว่าควรจะให้ทุกอย่างกลับไปเข้าสู่สภาพที่เป็นอยู่ก่อนมีนาคมปี 2563 และพยายามให้ทุกอย่างเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องในระดับล่างก่อน ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะคอยเฝ้าติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะมีเรื่องอื่นๆแตกแขนงออกไปอีกมากมายมหาศาลตามมาในระยะยาว