Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesThailand Real Estate & Property LawJurisprudenceนโยบายเกี่ยวกับกัญชาของไทยจะพลิกกลับหรือไม่?

นโยบายเกี่ยวกับกัญชาของไทยจะพลิกกลับหรือไม่?

For the English transcript of this video please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-real-estate-property-law/jurisprudence/will-thai-cannabis-policy-be-reversed/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงคำถามที่ตั้งเป็นหัวเรื่องไว้ว่านโยบายเกี่ยวกับกัญชาของไทยที่เพิ่งออกมาเมื่อไม่นานนี้ จะมีการพลิกกลับหรือไม่ ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้หลังจากที่ได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Thai Examiner, thaiexaminer.com, หัวข้อเรื่องว่า: ยาเสพติดจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการเลือกตั้ง เนื่องจาก นาย อนุทิน ยืนหยัดในจุดที่ว่าทัศนคติเรื่องกัญชาจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะขอยกข้อความมาโดยตรงดังนี้: "รองนายกรัฐมนตรี นาย อนุทิน ชาญวีรกุล ได้ยืนยันเมื่อวันเสาร์ว่า แม้แต่จะเป็นเพียงการเสนอแนะว่าประเทศไทยควรที่จะทำให้กัญชากลับมาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอีกรอบหนึ่งนั้น ก็เป็นความคิดที่ผิด นายอนุทิน ได้กล่าวว่ากฎหมายเกี่ยวกับกัญชาฉบับใหม่ซึ่งไม่ผ่านการพิจารณาของสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งทำให้ภาพพจน์ของกัญชาดูไม่ดีและยังเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย คำกล่าวของนาย อนุทิน สวนทางโดยตรงกับความคิดของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้กล่าวว่า รัฐบาลจัดการกับประเด็นนี้ โดยใช้วิธีเสนอกฎหมายให้การใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการเป็นสิ่งที่อยู่นอกกฎหมาย แต่ก็ทำไม่สำเร็จ" สิ่งนี้น่าสนใจและผมจะขอกลับไปอ่านอีกรอบหนึ่ง: "คำกล่าวของนาย อนุทิน สวนทางโดยตรงกับความคิดของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้กล่าวว่า รัฐบาลจัดการกับประเด็นนี้ โดยใช้วิธีเสนอกฎหมายให้การใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการเป็นสิ่งที่อยู่นอกกฎหมาย แต่ก็ทำไม่สำเร็จ" ผมมองว่านายอนุทินชัดเจนมากในประเด็นนี้มาตลอดเวลา ผมหมายถึงเป้าหมายหลักของเขาคือทำให้สิ่งนี้ไม่ผิดกฎหมาย ข้อความต่อไปที่จะขอยกมาคือ: "ในเดือนมิถุนายนของปีนี้ หลังจากที่นาย อนุทิน ได้ลงนามในกฎกระทรวงที่ทำให้กัญชาเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และส.ส. ประจำจังหวัดมหาสารคาม ได้กล่าวว่ายาเสพติดประเภทนี้ไม่ควรที่จะประกาศว่าไม่ผิดกฎหมาย และได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ากฎหมายใหม่ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย การที่ไม่ทำให้สิ่งดังกล่าวเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้ตอนนี้ใครๆก็สามารถใช้ได้ อันจะเป็นผลทำให้คนติดคุกมากขึ้น เพราะในประเทศไทยจะมีคนติดยาเสพติดมากขึ้นนั่นเอง

ที่จริง คนที่มีเหตุมีผลอาจจะไม่เห็นด้วยกับผมก็ได้ คือผมได้ติดตามเรื่องนี้มานานหลายปี เริ่มจากในสหรัฐฯเพราะว่าที่นั่นมันเป็นนโยบายสาธารณะ ซึ่งก็เหมือนกับที่ผมได้ติดตามประเด็นเรื่องการสมรสของผู้ที่มีเพศเดียวกันเป็นเวลาหลายๆปี ซึ่งผมยังจับใจอยู่เสมอ มันมักจะมีข้อโต้แย้งเดิมๆที่แหลมคมของฝ่ายค้านซ่อนอยู่ และในประเด็นที่พูดว่า "คนก็จะติดคุกมากขึ้น เพราะคนในประเทศติดยาเสพติดมากขึ้น" นั้น ถามว่า กัญชาเป็นประตูเปิดไปสู่ยาเสพติดชนิดอื่นหรือ คนที่มีเหตุมีผลอาจจะไม่เห็นด้วยกับผมก็ได้ ผมขอดูข้อมูลก่อน ก่อนที่จะกล่าวต่อไป สิ่งที่ผมต้องการพูดคือ ผมอยากเห็นข้อมูลจริงๆ ตอนนี้ผมสงสัยว่า ไอ้ที่เรียกว่า “ประตูไปสู่ยาเสพติดชนิดอื่น” คงเป็นความจริงเฉพาะกับวัยรุ่นหรือพวกเด็กๆมากกว่า จริงๆแล้ว ทุกขั้นตอนจะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎระเบียบที่มี และถือเป็นอาชญากรรมหากมีการขายสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้เยาว์ ชัดเจนมาก ไม่ต้องมีข้อสงสัยเลย ซึ่งก็จะคล้ายๆกับแอลกอฮอล์ คือจะต้องไม่ให้เด็กๆดื่มแอลกอฮอล์ และข้อโต้แย้งที่ว่า กัญชาจะเป็นก้าวแรกนำไปสู่การติดยาเสพติดอื่นนั้น ผมว่าถ้าดูในบริบทที่กว้างๆแล้วมันค่อนข้างจะลวงให้เข้าใจผิด เพราะผมไม่รู้ว่ามีข้อมูลอะไรมาสนับสนุนคำโต้แย้งเหล่านี้อยู่จริงหรือเปล่า

ขอทิ้งประเด็นนี้ไปก่อน และคำถามที่ตั้งไว้คือ: "นโยบายนี้จะมีการพลิกกลับหรือไม่?" ผมมองว่าค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้ และอีกอย่างหนึ่ง ปกติแล้วผมไม่ชอบที่จะพูดเรื่องการเมืองมากนักในช่องรับฟังนี้ แต่นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายครั้งสำคัญในประเทศไทย เพราะฉะนั้นจะขอพูดแบบเฉียดๆก็แล้วกัน ผมคิดว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนที่มองเรื่องนี้ในทางเศรษฐศาสตร์อย่างจริงจัง รวมทั้งนักการเมืองที่คัดค้านอย่างรุนแรงก็ไม่ได้มองเรื่องนี้ในทางเศรษฐศาสตร์อย่างจริงจังเหมือนกัน คือ เศรษฐศาสตร์ของเรื่องนี้ในภาพรวมที่ใหญ่กว่า ผมขออธิบายอย่างชัดเจนว่า ใน 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีปัญหาที่หนักหนาสาหัสมากทางด้านเศรษฐกิจขาลง และอย่างที่เคยกล่าวไว้ในวีดีโอม้วนอื่นแล้วว่า การท่องเที่ยวก็พังยับเยิน ซึ่งผมได้แสดงข้อมูลของประเด็นนี้ที่ได้มาจาก บางกอกโพสต์ไว้ด้วย ผมพูดถึงเรื่องนี้ในเดือนมกราคมของปี 2022 ว่า ปีนี้ การท่องเที่ยวพังทลายลงอย่างแท้จริง ประมาณ 20% ของ GDP แล้วตีกลับขึ้นมาต่ำกว่า 2% ถ้าจำไม่ผิดในบทความนั้นระบุตัวเลขคือ 18% แล้วดีดลงมาเป็น 1.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก จนผมไม่สามารถจะอธิบายให้ผู้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเข้าใจได้ว่า มันสร้างความตะลึงพรึงเพริดต่อผู้คนมากแค่ไหน ผมเห็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในประเทศไทย ผมหมายถึงด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพังทลายลง บริษัทขนาดเล็กๆ (SME) และสังคมระดับกลางก็พังทลาย ผมขอพูดเชิงสมมุตินะว่า ถ้าหากมีใครซักคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโครงการใหม่ๆที่จะสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเป็นกอบเป็นกำ และเป็นการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับคนที่แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเลยมาเป็นเวลา 2 ปีครึ่งแล้ว และหากจะพูดกันแบบการเมืองล่ะก็ ในความคิดเห็นของผม ถ้ามีใครนำสิ่งประเภทนี้ขึ้นมา จะเป็นการเพิ่มพูนต้นทุนทางการเมืองให้เขาอย่างแน่นอน และผมคิดว่าอจจะสะเพร่าไปหน่อยถ้าหากไม่มองจากมุมที่ว่า ถึงที่สุดแล้ว ผู้คนทั่วไปก็มีแนวโน้มที่จะโหวตให้กับใครก็ตามที่ให้ผลประโยชน์ทางการเงินกับเขา ดังนั้น ถ้ามีใครเสนอโครงการเหล่านั้นขึ้นมา มันก็จะเป็นการกระตุ้นฐานเสียงของเขาขึ้นมาอย่างเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว ผมว่ามันเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ ผมตระหนักดีว่าการโหวตทางการเมืองก็ดี การเศรษฐกิจก็ดี มันมีความไม่มีเหตุไม่มีผลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในระดับหนึ่ง หรือจะเรียกว่าความบ้าคลั่งของฝูงชนก็ว่าได้ แต่ในความคิดของผม ถ้าพูดในประเด็นของกัญชา ผมว่ามันน่าตกใจและน่าประหลาดใจทีเดียวที่ภายในไม่กี่สัปดาห์ มีอุตสาหกรรมที่ได้นำเงินทุนเข้าตลาดเป็นเงิน 28,000 ล้านบาท เพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งสำหรับผม หากจะเปรียบเทียบกับการนำขนม Snicker Bar เข้ามาทำตลาดโดยนำเงินเข้ามาลงทุน 28,000 ล้านบาทล่ะก็  ผมคิดว่าประเทศไทยควรที่จะเข้าไปดูเรื่องการตลาดทั้งหมดของ Snicker Bar อย่างใกล้ชิดแล้วล่ะ

ขอกล่าวอีกครั้งว่า ผมไม่ได้ต้องการที่จะเจาะลึกเรื่องการเมืองเพราะไม่ใช่เป็นเป้าหมายของช่องนี้ แต่ผมว่ามันมีเรื่องของกฎหมายที่แตกแขนงออกไปอีกมากมายต่อการตัดสินใจในระดับนโยบาย และผมคาดว่าในระยะยาว นโยบายนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบในทางที่ดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และก็น่าที่จะคาดการณ์ได้ว่า ในฐานะที่เป็นนโยบาย ก็น่าที่จะมีความทนทรหดอยู่ด้วย