For the English transcript of this video please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/thailand-real-estate-property-law/jurisprudence/bitcoin-really-banned-thailand/

วีดีโอเรื่องนี้จะตั้งคำถามว่า “bitcoin ได้ถูกห้ามในประเทศไทยจริงหรือไม่?” ผมได้อ่านบทความใน Nikkei.com, จาก asia.nikkei.com, ที่พาดหัวว่า: ประเทศไทยสั่งระงับการใช้ bitcoin และ เงินดิจิทัลสกุลอื่นในเดือนเมษายน. และเหมือนทุกครั้ง ผมขอแนะนำให้ผู้ที่กำลังรับชมวีดีโอเรื่องนี้ ได้อ่านบทความนี้ เพราะยังมีข้อมูลอื่นๆอีกมากที่สื่อท้องถิ่นได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้  ครั้งแรกที่ผมได้อ่านคือจากหนังสือพิมพ์ Nikkei ผมเลยจะขอยกข้อความของเขามาโดยตรง ดังนี้: "ในวันพุธที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ออกคำสั่งระงับการใช้เงินสกุลดิจิทัลในการทำธุรกรรม และจะเริ่มมีผลบังคับใช้กับสินทรัพย์ดิจิตอลอื่นๆในเดือนหน้า ทั้งนี้เป็นความพยายามหาทางรักษาความมั่นคงในตลาดการเงินไว้ ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะนำคำสั่งนี้มาใช้กับสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) ทุกชนิดรวมทั้ง bitcoin ด้วย ผู้บริโภคจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยการใช้สกุลเงินสกุลดิจิตอลได้อีกต่อไป" ประโยคนี้น่าสนใจมากคือ: ผู้บริโภคจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยการใช้สกุลเงินสกุลดิจิตอลได้อีกต่อไป" ซึ่งเดี๋ยวผมจะกลับมากล่าวถึงจุดนี้ต่อ "ผู้ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล จะได้รับระยะเวลาผ่อนผันไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน ก่อนที่จะต้องหยุดดำเนินการ แต่การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน จะยังคงดำเนินการได้ต่อไป" จุดนี้ผมว่าก็น่าสนใจด้วยเหมือนกัน บทความยังกล่าวต่ออีกว่า: "ตลาดหลักทรัพย์ได้กล่าวว่า ได้ตัดสินใจที่จะวางระเบียบและควบคุม การใช้สินทรัพย์ดิจิตอลหลังจากได้หารือในเรื่อง “ความเสี่ยงและผลประโยชน์” กับธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ตามที่ประกาศเมื่อวันพุธ ความเสี่ยงที่ได้มีการอ้างถึงนั้นรวมถึง การขาดทุนจากความผันผวนของราคา อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ท และการฟอกเงิน

ผมมองว่า ประเด็นอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ทและการฟอกเงินเป็นประเด็นที่สำคัญน้อยกว่าความเสียหายอันเกิดจากการผันผวนของราคา และจะต้องไม่ลืมความเป็นจริงข้อหนึ่งคือ ธนาคารชาติมีหน้าที่หลักคือรักษาความน่าเชื่อถือในสกุลเงินของตนไว้ให้ได้ ทั้งในแง่ของความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในสกุลเงินของตน ถ้ามองย้อนกลับไปถึงปี ‘97 พลเมืองไทยรวมทั้งผมด้วย เกิดความวิตกกังวลนิดหน่อยเมื่อมีบางอย่างที่บังเอิญเกิดขึ้นและทำให้เงินตรายุ่งเหยิงวุ่นวาย เพราะประเทศเจอเข้ากับปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างจังอันเนื่องจากความผันผวนของค่าเงิน สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจในตอนนี้ก็คือ การสั่งระงับใช้สกุลเงินดิจิทัลครั้งนี้เกิดขึ้นแบบวันต่อวัน มันไม่ใช่การสั่งระงับเพื่อเป็นเครื่องมือในการลงทุน แต่เป็นการสั่งระงับเพื่อให้ค่าเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น คำถามที่เกิดขึ้นกับผมก็เป็นอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า: “ผู้บริโภคจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยการใช้สกุลเงินสกุลดิจิตอลได้อีกต่อไป“ และ “การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน จะยังคงดำเนินการต่อไปได้“ ซึ่งผมมองว่า เส้นแบ่งระหว่างการใช้เพื่อการลงทุนกับการใช้เพื่อการบริโภคมันอยู่ตรงไหน สำหรับผมแล้วมันยากมากเลยที่จะชี้ชัดลงไปได้ นอกจากนี้ ในความเข้าใจของผมคือ สิ่งที่เป็นจุดขายที่สำคัญประการหนึ่งของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ด้วยนั้น ก็คือความจริงที่ว่า มันไม่สามารถระงับได้จริง ผู้คนต่างมีความเห็นว่า: "มันเกินความสามารถของรัฐบาลที่จะห้าม" ซึ่งเราคงจะได้เห็นกันว่าสำหรับประเทศไทยแล้ว สิ่งที่ผู้คนคิดกันนั้น มันจะเป็นจริงหรือไม่ ลึกๆแล้วผมเชื่อว่ามันน่าจะเป็นไปได้ แต่อาจจะไม่ก็ได้ เรื่องของ internet เป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ โดยเฉพาะในเรื่องสกุลเงินดิจิตัลนี้ ประวัติของมันที่เป็นมา ก็เหมือนกับน้ำที่ไหลบ่าลงมาจากภูเขา มันย่อมที่จะไหลไปในเส้นทางที่สะดวกง่ายดายที่สุดเพื่อจะไปให้ถึงตีนเขา

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป และต้องเข้าใจด้วยว่า การสั่งระงับนี้ ไม่ได้เป็นการห้ามอย่างถึงที่สุด ถ้าเป็นไปเพื่อการลงทุนล่ะก็ยังถูกกฎหมายอยู่ คำถามต่อไปคือ หากมีการนำไปใช้จ่ายจะเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าหากมีการลงทุน ก็เป็นที่แน่นอนว่า จะต้องมีการนำเงินตราไปแลกกับทรัพย์สินหรือมีการแลกเปลี่ยนกัน ตามที่กระทำกันในวงจรของการลงทุน มันเป็นไปไม่ได้หรือที่จะเอา bitcoin มาแลกเปลี่ยนกับข้าวสาลีจำนวนมหาศาล หรือแลกกับอย่างอื่นก็ตาม อันนี้เป็นการตั้งสมมติฐานของผม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าที่จะห้ามได้ และอย่างที่กล่าวมาแล้ว ประเทศไทยอาจจะเป็นกรณีทดสอบที่ชัดเจนว่า bitcoin จะสามารถถูกสั่งระงับใช้ได้จริงหรือไม่