Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesVisa & Immigration LawNationality Lawกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐสามารถปฏิเสธการขอสละสัญชาติได้หรือไม่?

กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐสามารถปฏิเสธการขอสละสัญชาติได้หรือไม่?

For the English transcript of this video, please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/visa-immigration-law/us-immigration-law/can-state-department-refuse-citizenship-renunciation/

ตามที่ขึ้นหัวเรื่องไว้ วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงการสละสัญชาติของพลเมืองสหรัฐฯ ผมเคยทำวีดีโอไว้ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับกรณีที่วุฒิสมาชิกชื่อ Elizabeth Warren ได้เสนอร่างกฎหมายให้มีการริเริ่มเรียกเก็บภาษีต่อพลเมืองอเมริกันผู้ที่ต้องการที่จะสละสัญชาติ สิ่งที่ผมต้องการจะพูดในวีดีโอม้วนนี้และอยากให้ทุกคนเข้าใจไว้ก่อนคือ การสละสัญชาติอเมริกันไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยนะครับ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเล่นๆด้วย และก็ไม่ใช่เรื่องที่จะประเมินค่าต่ำเกินไป ผมเห็นมีหลายคนในอินเตอร์เน็ตที่พูดถึงเรื่องการสละสัญชาติอเมริกันว่า ก็คล้ายๆกับการถอดเปลี่ยนเสื้อนอกหรืออะไรประมาณนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ความจริงแล้ว มันเป็นเรื่องใหญ่มากครับ ฉะนั้นใครที่กำลังคิดจะทำเรื่องนี้ คุณควรที่จะติดต่อผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและขอรับข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบต่างๆที่อาจจะเกิดกับตัวคุณหากคุณสละสัญชาติ

นอกจากนี้ อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมาจากคำถามที่มีคนถามมาในวีดีโอเรื่องที่แล้วคือ "จริงหรือไม่ว่ากระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ สามารถที่จะปฏิเสธการขอสละสัญชาติได้?" ครับ ผมเห็นว่า การที่ว่ากระทรวงการต่างประเทศสามารถที่จะกันคุณออกจากการสละสัญชาติได้นั้น มันก็เหมือนกับความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องที่ปรากฏอยู่ในอินเทอร์เน็ตนั่นแหละครับ สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดที่ผมสามารถพูดได้ก็คือ อาจจะมีการทำขั้นตอนให้ล่าช้าลง แต่ผมจะไม่พูดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่กล่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศสามารถที่จะปฏิเสธการสละสัญชาติได้ ซึ่งผมจะขออธิบายให้ฟังเพิ่มเติม

ผมคิดจะทำวีดีโอเรื่องนี้เมื่อผมได้อ่านในเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯในประเทศไทย th.usembassy.gov, ภายใต้หัวข้อว่า: Renunciation การสละสัญชาติ ขอยกข้อความโดยตรงจากบทความดังนี้: "การสละสัญชาติอเมริกันนั้นนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ต้องจริงจังมาก เพราะเมื่อได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาได้  ผู้ที่มีความประสงค์จะขอสละสัญชาติ จะถูกร้องขอให้ตรึกตรองการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะทำการนัดหมายเพื่อที่จะกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณในการขอสละสัญชาติ ซึ่งจะกระทำได้เฉพาะที่สถานทูตสหรัฐฯในกรุงเทพฯเท่านั้น" เอาล่ะครับ อย่างแรกคือ นี่ว่าด้วย กรุงเทพฯ ประเทศไทยโดยเฉพาะ สถานเอกอัครราชทูตที่อื่นอาจจะดำเนินการแตกต่างกันไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ในแง่มุมหนึ่ง เราจะเห็นผู้คนกล่าวว่า "นี่เขาพยายามที่จะขัดขวางเราไม่ให้สละสัญชาติ" ซึ่งจะเกิดขึ้นพร้อมกับการนัดหมาย ต้องอธิบายว่าการนัดสัมภาษณ์จะทำแบบระบบใครมาก่อนได้รับบริการก่อน และผมเคยเห็นตารางการนัดหมายสำหรับการสละสัญชาติพุ่งสูงขึ้นมาก รู้สึกจะเคยทำวีดีโอเรื่องนี้ไว้ด้วยว่า หาเวลานัดได้ยากมากเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด แม้แต่การนัดสัมภาษณ์เพื่อทำวีซ่าท่องเที่ยวก็นัดยากมากในช่วงนั้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่นำเข้าไปสู่ประเด็นเกี่ยวกับ ทฤษฎีสมคบคิด แต่ผมก็เข้าใจในประเด็นที่บางคนกล่าวว่า: "ดูเหมือนจะมีการตั้งใจที่จะดึงเรื่องไว้ให้เนิ่นนานออกไปสำหรับการนัดหมายเพื่อไปให้คำสัตย์สาบานในเรื่องการขอสละสัญชาติ" พวกเขาพูดอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเชื่อตามนั้น ผมคิดว่า มันเป็นความเฉื่อยชาของระบบการทำงานภาครัฐซะมากกว่าที่จะเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าในการสกัดกั้นผู้ที่จะขอสละสัญชาติ บทความได้กล่าวต่อว่า: "บุคคลที่ต้องการสละสัญชาติอเมริกัน จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่ามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสิ่งที่เขาหรือเธอปรารถนาที่จะกระทำ" ครับ นั่นเป็นแง่มุมหนึ่งที่มีหน้าที่ของกระบวนการพิจารณาคดีเข้ามาเกี่ยวข้องในขั้นตอนของการสละสัญชาตินี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะตรงกันข้ามกับขั้นตอนการรายงานของสถานกงสุลเกี่ยวกับการแจ้งเกิดของเด็กในต่างประเทศก็ว่าได้ คือกระบวนการดังกล่าวจะต้องมีการพาเด็กไปที่สถานทูตสหรัฐฯ เพื่อแจ้งว่าเด็กคนนี้เกิดในต่างประเทศและลงทะเบียนการรับสัญชาติอเมริกันซึ่งเป็นการส่งผ่านสัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติจากพ่อแม่ไปยังเด็ก และถ้าพูดกันตรงๆ ถ้าหากเด็กมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เด็กคนนั้นก็จะมีสถานะเป็นพลเมืองอเมริกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ลงทะเบียนแจ้งเกิดตามขั้นตอนของสถานกงสุลเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงการสละสัญชาติก็คล้ายกัน หมายความว่า ถ้าหากตั้งใจที่จะสละสัญชาติ โดยมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ครบถ้วน และทำตามขั้นตอนทั้งหมด สามารถทำได้แน่นอน; ไม่มีใครที่จะห้ามทำสิ่งนั้นได้ ก็จริง แต่ทางสถานทูตต้องทำการค้นหาข้อเท็จจริง เพราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อที่จะวินิจฉัยว่า บุคคลผู้นั้นเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ในการขอสละสัญชาติ ต้องแน่ใจว่าผู้นั้นมีความเข้าใจต่อสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ เพราะฉะนั้น บางครั้งก็อาจจะมีสิ่งที่คุณเรียกว่าความล่าช้าเกิดขึ้นในการพิจารณาคำร้อง โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลที่จะวินิจฉัยเกี่ยวกับสุขภาพจิตของผู้ที่จะขอสละสัญชาติ บทความกล่าวต่ออีกว่า: "รวมถึงผลที่จะตามมา เช่น การเสียสิทธิ์ที่จะอยู่อาศัยในสหรัฐฯโดยไม่มีเอกสารแสดงถึงความเป็นคนต่างด้าว และยังต้องแสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจที่จะเข้าสู่กระบวนการนี้เองอย่างเป็นอิสระ ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากผู้อื่น และกระทำโดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนของการวินิจฉัยซึ่งจะกระทำโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล กรณีเกี่ยวกับการสละสัญชาติที่ผมเคยเห็นมา เจ้าหน้าที่กงสุลจะบอกว่า 'วันนี้ผมจะยังไม่ให้คุณทำเรื่องนี้ แต่ผมอยากจะให้คุณกลับมาอีกครั้งในสัปดาหน้า เพื่อดูว่าหลังจากที่ฟังคำอธิบายของผมแล้ว คุณยังต้องการทำเรื่องนี้อยู่อีกหรือเปล่า' ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะเข้าสู่ภาคของการอธิบายถึงผลกระทบทางกฎหมายทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ จากนั้นผู้ยื่นคำร้องจะถูกส่งกลับบ้าน โดยเจ้าหน้าที่จะบอกว่า 'เอาล่ะ เดี๋ยวให้คุณกลับมาใหม่ในภายหลังและถ้าหากคุณกลับมาอีกครั้งในภายหลังและผมพอใจว่าคุณเข้าใจทุกอย่างที่กำลังจะทำอยู่ และคุณมีสติสัมปชัญญะครบและคุณไม่ได้รับการบังคับจากคนอื่น ผมถึงจะตัดสินใจว่าทุกอย่างถูกต้องและให้คุณกล่าวคำสาบานการสละสัญชาติและเราจะทำขั้นตอนต่อไป' 

เพราะฉะนั้น แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถปฏิเสธหรือไม่อนุญาตให้ผู้ที่ต้องการสละสัญชาติ ทำตามความต้องการได้ แต่จะมีกระบวนการในการวินิจฉัยว่าผู้นั้นมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ มีความสามารถของตัวเองและไม่ได้รับอิทธิพลจากผู้อื่นที่จะกระทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต เพราะการสละสัญชาติเป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆ แม้กระทั่งเด็กที่เรียกว่า "เป็นคนอเมริกันโดยบังเอิญ” หมายถึงเด็กที่เกิดในสหรัฐฯ และอาศัยอยู่เพียงไม่กี่สัปดาห์แล้วย้ายไปต่างประเทศ, ทำหนังสือเดินทางสหรัฐฯหาย นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะเป็นเอกสารเพื่อการเดินทางที่สำคัญมากทีเดียว การเสียความสามารถที่จะอาศัยอยู่และทำงานในสหรัฐฯ ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ไม่มีนัยสำคัญ; สิทธิพิเศษต่างๆและภูมิคุ้มกันที่ได้จากการมีสัญชาติอเมริกัน ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ไม่มีนัยสำคัญ เพราะฉะนั้น จึงมีขั้นตอนเพื่อที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้นั้นมีความสามารถในการตัดสินใจที่จะละทิ้งผลประโยชน์เหล่านี้หรือไม่? มีแน่นอน แล้วเจ้าหน้าที่สามารถจะปฏิเสธคำร้องได้หรือไม่ถ้าหากผู้ขอมีคุณสมบัติครบถ้วน? ก็ไม่เชิงนะ เจ้าหน้าที่เพียงแต่ต้องดำเนินตามขั้นตอน และผู้นั้นก็จะสามารถสละสัญชาติอเมริกันได้