Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawการปรับเปลี่ยนแนวความคิดให้เข้ากับระบบการเข้าเมืองของสหรัฐฯในสถานภาพปัจจุบัน

การปรับเปลี่ยนแนวความคิดให้เข้ากับระบบการเข้าเมืองของสหรัฐฯในสถานภาพปัจจุบัน

For the English transcript of this video, please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/visa-immigration-law/us-immigration-law/adjusting-ones-mindset-present-state-us-immigration-system/

สิ่งหนึ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้กับทนายที่ทำงานด้านการเข้าเมือง ซึ่งผมทำมามากกว่า 20 ปีแล้ว แต่การที่ต้องรับมือกับมุมมองของหลากหลายผู้คน เป็นเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดได้มากกว่าเรื่องอื่นๆ และในตัวของระบบเองก็อยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมเต็มที จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้; มันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเลยตอนนี้ พูดอย่างเป็นกลางนะ ผมว่าผู้ที่ทำงานด้านนี้จะเห็นด้วยกับคำกล่าวของผม ตอนนี้คงมีหลายคนเลย ซึ่งก็อาจจะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับผม แต่ตัวระบบเองก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเลย คิดว่าคงไม่มีใครโต้แย้งตรงนี้

เหตุผลที่ผมทำวีดีโอเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาผมต้องเจอคนที่มีความคาดหวังที่ไม่สมจริงเป็นพื้นฐาน และไม่เข้าใจเลยว่าระบบการเข้าเมืองของสหรัฐฯทำงานอย่างไร  เรากำลังพูดถึงอะไรอยู่? ผมเคยทำวีดีโอในประเด็นนี้ไว้แล้ว ระบบการเข้าเมืองเขาไม่สนใจหรอกว่าคุณวางแผนการเดินทางไว้อย่างไร, เข้าใจนะ? และผมไม่ได้พูดสิ่งนี้เพื่อเป็นการพูดเล่นหรือเป็นการกัดหรืออะไร แต่เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้ก็เพื่อที่หลายๆคนจะได้ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าทำไปแล้วต้องมานั่งทึ้งผมตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่จะเชื่อว่ารัฐบาลจะมีการตอบสนองและเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ แต่ในบริบทของเรื่องการเข้าเมืองแล้ว สิ่งที่เขาสนใจก็คือการทำหน้าที่ของเขาเท่านั้น โดยไม่ได้สนใจเลยว่าคุณวางแผนการเดินทางไว้อย่างไร พวกเขาไม่ใช่ตัวแทนบริษัททัวร์ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเขา และผมเห็นมาเยอะ มีหลายคนพูดว่า "เป็นความต้องการของผมที่จะพาแฟนเข้าสหรัฐฯและตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนของการปรับสถานะ ซึ่งใช้เวลานานมากเลย มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก" ผมเข้าใจดีถึงความหงุดหงิดของคุณ แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจก็คือ การที่คุณไม่พยายามปรับเปลี่ยนความคิดนิดนึง คุณต้องเข้าใจว่าระบบมันทำงานอย่างไร และจะรับมือกับมันอย่างไร ไม่ใช่ไปโกรธระบบที่ไม่ได้เป็นไปดั่งใจคุณ ที่ผมพูดเช่นนี้ได้ก็เพราะผมได้ปลุกปล้ำกับระบบนี้มาเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว ซึ่งตัวผมเองก็ต้องฟันฟ่าให้ผ่านระบบนี้ได้เช่นกัน  ผมรู้สึกเฉยๆกับเรื่องพวกนี้มากกว่า ผมไม่ตื่นเต้นกับมันมากกว่า แต่ถ้าผู้คนไม่ตั้งสติให้ดีว่าจะรับมือกับกระบวนการทำงานนี้อย่างไร ก็มีแต่จะทำให้ทุกข์ใจมากขึ้นไปเท่านั้น ตอนนี้มันเป็นขั้นตอนที่ยาวนานมาก -ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าแบบไหนก็ตาม จะเป็นวีซ่าครอบครัว หรือวีซ่าคู่หมั้น คู่สมรสก็ตาม ขั้นตอนโดยปกติก็ยืดเยื้ออยู่แล้ว นอกจากจะใช้เวลามากแล้วยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงอีกด้วย สิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากร และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทุกคนยังต้องมาต่อสู้กับความหงุดหงิดของตัวเองที่มีต่อสภาพของตัวระบบ คุณได้แต่ความหนักใจเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย มันเหมือนกับบทสนทนาในหนังเรื่อง Bridge of Spies ที่ Tom Hanks รับบทเป็นทนายของสายลับชื่อ Abel แล้วเขาได้พูดว่า อาจจะมีสัก 2-3 ครั้งที่คุณนึกขึ้นได้ว่า "คุณอาจจะรับโทษประหารชีวิตก็ได้" แต่ตัวสายลับเองกลับดูสงบและยังพูดอีกด้วยว่า "คุณหนักใจไหมล่ะ! ดูเหมือนคุณไม่กังวลเลยด้วยซ้ำ!" แล้วทนายตอบว่า "มันจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า?" ซึ่งมุมมองแบบนี้คือมุมมองที่คุณควรจะใช้กับระบบการเข้าเมือง

ผมขอพูดให้ชัดเจนว่าผมไม่ใช่ทนายที่แค่กล่าวว่า "คุณต้องทำใจและเพียงแต่ยอมรับกับอะไรก็ตามที่เจ้าหน้าที่เขาจัดให้ในรูปของการเข้าเมือง”  อันนี้ไม่ใช่ประเด็นของผม มีหลายคนที่คิดว่าการบ่นเรื่องระบบหรือกรีดร้องเข้าไปในห้วงเหวโดยที่ไม่มีใครได้ยิน ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่โดยรวมแล้ว คือพยายามทำให้ระบบการเข้าเมืองเข้าใจถึงความไม่พอใจของเรา อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนระบบได้ในที่สุด ซึ่งขอบอกตรงๆว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะปริมาณงานของพวกเขาเยอะมากอยู่แล้ว ผมไม่ได้มาแก้ตัวให้พวกเขา พูดกันตรงๆเลยว่า ตอนนี้ระบบที่เป็นอยู่ก็ไม่สมควรที่จะได้รับคำแก้ตัวใดๆ และฝ่ายบริหาร 2-3 ชุดที่ผ่านมาก็ได้ทำไปหลายอย่างแล้ว - ซึ่งผมไม่ได้พูดอย่างลำเอียงเข้าข้างพรรคไหน - แต่มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่ทำให้ระบบแย่ลงอย่างมากและเห็นได้ชัดใน 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผมไม่สามารถที่จะนั่งต่อหน้าคุณและบอกว่านี่เป็นระบบที่ควรจะได้รับความภาคภูมิใจ ซึ่งมันตรงกันข้ามเลย ผมคิดว่าต้องมีการปฏิรูปอย่างจริงจังในหลายๆแง่มุม ถึงจะว่างั้นก็เถอะ ถ้าไม่ตั้งสติให้ดี มันก็ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้คนที่กำลังจะผ่านระบบนี้แต่อย่างใดเลย เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาจจะทำให้คุณเสียสติได้ เพราะฉะนั้นต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าคุณกำลังจะต้องเจอกับอะไร  คุณต้องเข้าใจว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นในบางเค้สโดยที่คาดไม่ถึง ซึ่งก็คือลักษณะของระบบนี่เอง ขอให้คุณเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน แล้วก็ค่อยๆทำให้มันจบไป เพราะไม่เช่นนั้น คุณจะเหนื่อยเปล่าๆถ้ามัวแต่กังวลเรื่องสภาพของระบบ หรือมัวแต่คิดว่าทำไมถึงมีสภาพเช่นนี้ ซึ่งจะทำให้คุณหัวเสียเปล่าๆ