Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawเพราะเหตุใดวีซ่า K-1 จึงเกิดการคั่งค้าง?

เพราะเหตุใดวีซ่า K-1 จึงเกิดการคั่งค้าง?

For the English transcript of this video please go to the following link: 

https://www.legal.co.th/resources/visa-immigration-law/us-immigration-law/how-did-k-1-visa-backlog-come-about/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) และหากมีผู้ใดที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการนี้ในเวลานี้ ถ้าหากเป็นลูกค้าของผม ผมเห็นใจคุณเลย ผมเข้าใจ ผมเองก็ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เหมือนกับคนอื่นๆนั่นแหละ ในความเป็นจริง มีงานคั่งค้างปริมาณมากเกิดขึ้น แม้แต่ในแผนกวีซ่า K-1 ด้วยก็ตาม หมายความว่ามีงานคั่งค้างเกิดขึ้นในแผนกวีซ่าถาวรด้วยเช่นกัน และผมขอยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับวีซ่าถาวรน่าจะเกิดจากเล่ห์เพทุบายของศูนย์วีซ่าแห่งชาติ (NVC) มากกว่าสิ่งอื่น กล่าวโดยสรุปคือ มีงานคั่งค้างเกิดขึ้น และคำถามในวีดีโอเรื่องนี้คือ "เกิดได้อย่างไรและเพราะเหตุใดจึงเกิด?" เมื่อไม่นานมานี้ ทาง USCIS ได้มีการแจ้งในเว้ปไซ็ท์ของ USCIS คือ uscis.gov, หัวข้อว่า: คำถามที่ได้รับบ่อย เกี่ยวกับกฎค่าธรรมเนียมที่มีการเสนอไว้ และคำถามก็คือ

คำถาม: สิ่งแรกคืองานคั่งค้างที่มีอยู่ในปัจจุบันเกิดการสะสมขึ้นมาได้อย่างไร?

ตอบ: ตามที่ได้อธิบายไว้ในรายงานความคืบหน้าของเราเมื่อเร็วๆนี้ว่า (PDF, 1.08 MB) ผู้ยื่นคำร้องลดลงมากในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงชั่วคราวเท่ากับ 40% การจ้างแรงงานเพิ่มไม่สามารถทำได้ การลดลงของแรงงานทำให้ความสามารถของหน่วยงานในการพิจารณาคำร้องลดลง แม้ในขณะที่จำนวนคำร้องที่เข้ามาเพิ่มกลับไปสู่ปริมาณที่เคยมีก่อนโควิด กล่าวต่อ: "ภาวะยุติการจ้างแรงงานเพิ่มได้ยกเลิกไปในเดือนมีนาคม 2021" (ลองหยุดคิดตรงนี้สักครู่ - ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นในมีนาคม 2020 และอีก 1 ปีต่อมา การงดจ้างคนเพิ่มถึงจะสิ้นสุด เข้าใจนะครับ? กล่าวต่อ: "และสำนักงุานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติกำลังเร่งที่จะเติมตำแหน่งที่ว่างให้เต็ม โดยการสรรหาคนและฝึกพนักงานใหม่ - เรากำลังหาเจ้าหน้าที่อยู่!" กล่าวต่อ: "เพื่อให้สามารถยืนอยู่ได้บนฐานการคลังที่มั่นคง และสามารถปรับปรุงการพิจารณาตัดสินใจเกี่ยวกับคำร้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติมีความต้องการทรัพยากรอีกมาก จึงต้องออกกฎค่าธรรมเนียนที่เสนอไว้นี้ 

ถูกต้องแล้ว เขากำลังพูดถึงการขึ้นค่าธรรมเนียมบางอย่าง และผมได้เห็นคำอธิบายทั่วอินเทอร์เน็ตว่า "ทางการกำลังคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นกับผู้เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อนำไปจ่ายให้กับผู้เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ผมเถียงไม่ออกเลย เมื่อดูว่าทรัพยากรนั้นจะถูกจ่ายออกไปยังที่ใด และเงินเหล่านั้นเอามาจากใคร น่าสังเกตุว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่กำลังยื่นคำร้องต่างๆเช่น ขอทำ กรีน คาร์ด เป็นต้น ซึ่งจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ได้มาซึ่งกรีน คาร์ดนั้น ผมเองก็เคยมีประสบการณ์คล้ายกันนี้ คือตอนที่ผมทำการโอนสัญชาติ ตามขั้นตอนต่างๆของ ตม.ไทยเมื่อถึงจุดที่จะต้องตัดสินใจ ก็จะมีคนบอกว่า "คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเท่านี้" คุณก็คงไม่ถกเถียงกันไปมากับเจ้าหน้าที่ในเรื่องราคาและค่าใช้จ่าย คุณเพียงแต่จ่ายมันออกไปตามนั้น เพราะคุณต้องการที่จะให้สถานะภาพของคุณเป็นที่กระจ่างชัดเสียที ซึ่งผมไม่ได้อยากที่จะใช้คำว่ามันเป็นการเอาเปรียบกันรึป่าว แต่คุณกำลังจัดการกับผู้คนที่กำลังอยู่ในจุดที่มีความล่อแหลมกับการจ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งผมเองก็มีข้อกังวลในประเด็นนี้แต่จะเอาไว้กล่าวในวีดีโออื่น

เพราะฉะนั้นโดยสรุป นั่นคือคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับที่มาที่ไปของงานคั่งค้างที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมมีข้อโต้แย้งว่า ก็เป็นเพราะฝ่ายบริหารในรัฐบาลชุดที่แล้วที่ได้เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆจำนวนมาก อันเป็นผลให้เกิดหายนะตามมามากมาย โดยเฉพาะในบริบทที่เกี่ยวกับวีซ่า K-1 พูดชัดๆก็คือ นั่นแหละคือเหตุผลที่เกิดงานคั่งค้าง หลายอย่างถูกปิดลง มีการหยุดจ้างเจ้าหน้าที่ ซึ่งกว่าจะยกเลิกก็อีก 1 ปีถัดมา ถึงตอนนี้ก็ยังต้องจัดการกับควันหลงของมันอยู่  เพราะฉะนั้นผู้ที่กำลังอยู่ในกระบวนการนี้ก็คงต้องระลึกไว้ว่า ความอดทนเป็นสิ่งอันพึงปรารถนา ซึ่งก็คงจะช่วยให้ใจเย็นลงหน่อย และสำหรับผู้ที่กำลังคิดว่าจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ดี การที่คุณเริ่มนับเวลาที่จุดใดจุดหนึ่งและเฝ้ารอ ก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันขยับเร็วขึ้นแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น ถ้าหากคุณมีความตั้งใจจริง ผมคิดว่าเริ่มซะเลยดีกว่าไปรอแล้วเริ่มวันหลัง แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเราจะต้องเจอกับงานคั่งค้างจำนวนมาก และผมหวังอย่างยิ่งว่าสิ้นปีนี้คงจะกลับเข้าที่