Translation of the above video, for the original English language transcript please see: K-1 Visas from Thailand and Issues Regarding Advance Parole.

วีดีโอเกี่ยวกับการทำวีซ่า K-1 จากประเทศไทยและปัญหาเกี่ยวกับการขออนุญาตออกนอกประเทศชั่วคราว

วีดีโอเรื่องนี้จะพูดถึงการขอออกนอกประเทศสหรัฐฯเป้นการชั่วคราวของวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น)

ที่จริงแล้ว วีซ่า K-1 จะไม่เหมือนวีซ่าชนิดอื่นเพราะมีจุดประสงค์ 2 อย่าง คือ แรกเริ่มวีซ่าจะเป็นวีซ่าชั่วคราว แต่มีจุดประสงค์ของการให้เข้ามามีถิ่นที่อยู่แฝงอยู่  ผู้ที่ถือวีซ่า K-1 จะเดินทางเข้าสหรัฐฯและ จะต้องแต่งงานกับคู่หมั้นและยื่นคำร้องขอปรับเปลี่ยนสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถาวร  (permanent resident) ภายใน 90 วันหลังจากเดินทางถึงสหรัฐฯ

ในโลกเรามีปัญหามากมาย ชีวิตเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและบางครั้งบุคคลคนหนึ่งอาจเดินทางไม่ถึงสหรัฐฯในสถานะ K-1และได้รับแจ้งว่าญาติในประเทศไทยป่วยหรือมีปัญหาฉุกเฉินหรือเร่งด่วน หรือแม้จะไม่ฉุกเฉินก็ตาม คู่หมั้นฝ่ายไทยอาจต้องเดินทางออกจากสหรัฐฯ  ปัญหาที่จะเกิดคือ การเดินทางออกจากสหรัฐฯ ด้วยวีซ่า K-1 โดยที่ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถาวร จะทำให้วีซ่าหมดอายุการใช้งานและบุคคลผู้นั้นจำเป็นต้อง ยื่นคำร้องอีกรอบหนึ่งเพื่อขอวีซ่าใหม่หรือถ้าบุคคลผู้นั้นแต่งงานแล้วจะต้องยื่นคำร้องประเภทใหม่เลย

มีวิธีการที่จะจัดการและเลี่ยงการที่ถูกยกเลิกวีซ่าเมื่อต้องเดินทางออกจากสหรัฐฯ คือการการขออนญยาตออกนอกประเทศชั่วคราว (advance parole) ความหมายของการการขออนุยาตออกนอกประเทศชั่วคราวคือ ยื่นคำร้องไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ  เจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมือง และ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภุมิ Department of Homeland Security เพื่อแจ้งว่า “บุคคลผู้นี้ ซึ่งอยู่ในสถานะ K-1 และกำลังจะปรับเปลี่ยนเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถาวร แต่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเดินทางออกนอกประเทศ”  ถ้าได้รับอนุมัติให้ออกนอกประเทศชั่วคราว(ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ได้รับอนุมัติ) บุคคลผู้นั้นสามารถเดินทางออกจากสหรัฐฯได้โดยสถานะยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งมองอีกแง่หนึ่งจะคล้ายกับการเข้าออกประเทศโดยใช้ Reentry Visa ซึ่งใช้ในทั้งในสหรัฐฯและประเทศไทย  หมายความว่าสถานะของวีซ่าจะยังคงถุกรักาไว้ และบุคคลผู้นั้น สามารถที่จะกลับไป เพื่อที่จะเริ่มกระบวนการเปลี่ยนสถานะต่อไป

หากไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศชั่วคราวจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงพอสมควรกับผู้ถือวีซ่า K-1 เพราะอาจจะทำให้วีซ่านั้นสูญเสียไป ในบางกรณีอาจแก้ไขปัญหาได้เร็วแต่ในกรณีอื่นอาจจะลำบากที่จะแก้ไขสถานการณ์ โดยเฉพาะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของผู้ยื่นคำร้อง สิ่งเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวเพราะอาจใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะเริ่มกระบวนการใหม่และอาจจะเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย  ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ด้วยวีซ่า K-1 และกำลังรอการเปลี่ยนสถานะ จะต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนออกจากสหรัฐฯให้ครบถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากอาจจะไม่สามารถกลับเข้าสหรัฐฯได้เป็นเวลานาน ถ้ากระบวนการขอเข้าเมืองต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น