For transcript in English please see: Tourist visa denial.

วิดีโอวันนี้ จะกล่าวถึงหัวข้อที่เคยกล่าวถึงแล้วแต่ไม่เคยทำวิดีโอที่เจาะประเด็นลึกเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย คือ “เพราะเหตุใดพลเมืองคนไทยจึงถูกปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวเข้าสหรัฐฯบ่อยครั้ง?”  คำตอบคือ “วีซ่านักท่องเที่ยวที่พลเมืองคนไทยไปขอ ไม่ได้ถูกปฏิเสธบ่อย” ที่จริงแล้ว “เปอร์เซ็นต์ของวีซ่านักท่องเที่ยวที่จะถูกปฏิเสธบ่อยคือวีซ่าของคนไทยที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพลเมืองสหรัฐฯ หรือผู้อยู่อาศัยถาวรอย่างถูกต้องตามกฎหมายของสหรัฐฯ“  อธิบายเพิ่มเติมได้ว่า พลเมืองอเมริกันมาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะมาทำงาน มาอยู่อาศัย หรือมาท่องเที่ยว มารู้จักกับคนไทยและบางครั้งอยากพาไปเที่ยวสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และบางกรณี อาจเป็นแค่เพื่อนกันและอยากพาไปเที่ยว

กฎหมายว่าด้วยการเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า ผู้ที่จะเดินทางเข้าสหรัฐฯจะต้องแสดงความผูกพันอย่างมากกับบ้านเกิดของตน หรือประเทศที่สามซึ่งไม่ใช่สหรัฐฯและต้องแสดงให้เห็นว่ามีความผูกพันที่น้อยกับสหรัฐฯ  ในกรณีที่ผู้ที่กำลังยื่นคำร้องขอทำวีซ่าเข้าสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเช่นเป็นคู่รักกับพลเมืองอเมริกัน ความสัมพันธ์นี้จะเป็นตัวบ่งบอกเจ้าหน้าที่กงสุลว่า ความสัมพันธ์อันนี้ถือว่ามีความผูกพันที่เข้มแข็งกับสหรัฐฯ(ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นจริงๆ)   ดังนั้น พลเมืองสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องแสดงว่าตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายที่มีความผูกพันที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เช่นได้สมรสกับคนไทย หรือมีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยเป็นต้น เพราะจะเป็นหลักฐานว่ามีความผูกพันกับประเทศไทยและคนไทยที่จะไปเที่ยวกับคนอเมริกันผู้นั้นจะกลับประเทศไทยแน่นอน 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กงสุล มีสิทธิ์เด็ดขาดในการตัดสินใจว่าจะอนุมัติวีซ่าหรือไม่ ดังนั้นจะเห็นว่ามีการปฏิเสธวีซ่าบ่อยครั้งสำหรับคนไทยที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพลเมืองอเมริกัน ดังนั้น บุคคลที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนในการวิเคราะห์ทางกฏหมาย จะรู้สึกหงุดหงิดได้เพราะจะเข้าใจเพียงว่า “ได้ยื่นคำร้องขอทำวีซ่าแล้ว ยื่นเอกสารครบถ้วน แต่ได้รับการปฏิเสธ” ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลก็ต้องพิจารณาตามเนื้อผ้าและวิเคราะห์เอกสารตามขั้นตอนโดยดูจากหลักฐานทั้งหมด และในประสบการณ์ของผม บ่อยครั้งคนไทยที่มีความสัมพันธ์กับพลเมืองสหรัฐฯ จะถูกปฏิเสธวีซ่า ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯนั่นเอง