For the English Transcript of this video, please go to the following link:

https://legal.co.th/resources/visa-immigration-law/us-immigration-law/tuberculosis-and-other-intervening-medical-factors-k-1-k-3-cr-1-and-ir-1-visa-applications/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวกับวัณโรค รวมทั้งปัจจัยแทรกซ้อนอื่นๆทางการแพทย์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการยื่นคำร้องขอวีซ่าไปสหรัฐฯ ที่สำนักงานของเราส่วนใหญ่จะดำเนินการเรื่องวีซ่าครอบครัวผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นเราจะมองปัญหานี้ผ่านprism อันนี้ กล่าวโดยสรุปคือ วัณโรคเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ได้รับการพิจารณาว่ามีความสำคัญทางการแพทย์มาก และอาจจะทำให้กระบวนการเข้าเมืองต้องล่าช้าลง ก็ได้ เรากำลังพูดถึงอะไรอยู่?

เมื่อคุณกำลังอยู่ในขั้นตอนของการยื่นคำร้องเพื่อทำวีซ่า K-1 หรือ CR-1 หรือ IR-1, หรืออะไรก็ตาม ซึ่งตอนนั้นคุณจะต้องผ่านขั้นตอนเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ เมื่อผลการตรวจสุขภาพออกมาแสดงว่า คุณเป็นหรือเคยเป็นวัณโรค คุณจะต้องถูกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าผลการวินิจฉัยพบว่าตอนนี้โรคอยู่ในสถานะเฉื่อย คุณไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของสาธารณะชน คุณก็สามารถดำเนินขั้นตอนต่อไปได้ แต่การพิจารณาทางการแพทย์ดังกล่าวนั้น จะต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับกรณีคำร้องตามปกติทั่วไป ซึ่งอาจทำให้กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการก็ต้องล่าช้าออกไป เพราะมันต้องใช้เวลาในการพิจารณาว่าผู้นั้นเป็นโรคติดต่อหรือไม่ หรือจะสามารถแพร่เชื่อสู่ผู้อื่นได้หรือไม่ นี่ไม่ได้จำกัดเฉพาะวัณโรคเท่านั้น ยังมีประเด็นเกี่ยวกับโรคอื่นๆที่อาจโผล่ขึ้นมาได้อีก จริงๆแล้ว มันเป็นปัญหาใหญ่ยักษ์ ที่เราเจอบ่อยกว่าอย่างอื่นถึงแม้จะไม่บ่อยมากก็ตาม ถ้าผมเจอเคสที่เกี่ยวกับวัณโรค ซึ่งอาจจะ 2 ปีครั้ง หรือ 18 เดือนครั้ง ประมาณนั้น เราก็จะพบว่า มันไม่ใช่เคสปกติ มันจะทำให้กระบวนการช้าลง จะทำให้ขั้นตอนการสัมภาษณ์ช้าลงด้วย หมายความว่าคุณจะต้องเจอกับเรื่องการนัดหมายใหม่สำหรับการสัมภาษณ์ และการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆของการขอทำวีซ่าต่อจากนั้น บ่อยครั้งที่ต้องใช้เวลาด้านธุรการมากขึ้น อันเนื่องจากเจ้าหน้าที่กงสุลต้องการความมั่นใจอย่างแท้จริงว่าจะไม่มีประเด็นปัญหาด้านสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มันจะเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนและบางครั้งทำให้เกิดความหงุดหงิด ในกรณีที่มีประเด็นเรื่องวัณโรคหรือเคยเป็นในอดีต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นตัวชี้ขาด ว่าถึงที่สุดแล้วคุณจะได้วีซ่าหรือไม่ แต่มันก็จะทำให้กระบวนการช้าลงได้อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว 

ถ้าหากมีใครที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะต้องทำอย่างทันทีทันใด ก็คงจะไม่เป็นความคิดที่เลวร้ายนักที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเพื่อที่จะขอมุมมองและคำแนะนำเรื่องกระบวนการนี้