Legal Services & Resources
Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.
Contact us: +66 2-266 3698
ในการสัมภาษณ์วีซ่า IR-1 จะมีคำถามอะไรบ้าง?
Translation of the above video below for original transcript please see: IR-1 visa interview Thailand.
วีดีโอม้วนนี้จะกล่าวถึงวีซ่า IR-1 (ประเภทคู่สมรส) เฉพาะในแง่ของการสัมภาษณ์และคำถามในขณะที่เข้าสัมภาษณ์เพื่อทำวีซ่า IR-1
สิ่งแรกที่ผมจะขอทำความเข้าใจก่อนคือ ผมจะไม่ทำรายการตัวอย่างคำถามที่น่าจะใช้ในการสัมภาษณ์ แต่ผมจะให้ข้อมูลเชิงลึกกับผู้ที่มีความสนใจในหัวข้อนี้ เพื่อทำความเข้าใจว่ากระบวนการของการสัมภาษณ์จะดำเนินการอย่างไร และจะเตรียมตัวให้ดีที่สุดอย่างไรถึงจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้
ลำดับแรกที่จะขอทำความเข้าใจคือ วีซ่า IR-1 จะแตกต่างกับวีซ่าคู่สมรสชนิดอื่น เพราะวีซ่าชนิดอื่นจะใช้กับผู้ที่ยังแต่งงานกันไม่นาน ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่าผมชอบวีซ่า IR-1 มากกว่าวีซ่าชนิดอื่น แต่ วีซ่า IR-1 จะไม่มีปัญหามากเหมือนวีซ่าประเภทอื่น ยกตัวอย่างเช่นวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) เป็นต้น เพราะวีซ่า IR-1 จะออกให้กับคู่สมรสทีแต่งงานกันมาแล้วเกินสองปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้องเพื่อทำวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ต่างกับวีซ่า K-1 ที่ผู้ยื่นคำร้องยังไม่ได้แต่งงานกัน ซึ่งจะเป็นผลทำให้การวิเคราะห์คำร้องมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในบางประเด็น
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่า กระบวนการสัมภาษณ์วีซ่านี้ไม่ได้เป็นกระบวนการที่ทำงานแบบหุ่นยนต์ (robotic procedure) เจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาวีซ่า IR-1 จะศึกษาข้อมูลสภาวะแวดล้อมต่างๆของผู้ยื่นคำร้องแต่ละรายอย่างละเอียดและเฉพาะเจาะจง เขาไม่ได้มองข้อมูลแต่เพียงผ่านๆเหมือนกับสายการประกอบชิ้นส่วนสินค้าในโรงงาน แต่จะค้นหาข้อเท็จจริงต่างๆ เช่น ประวัติการเดินทางของผู้ยื่นคำร้อง อาทิ เคยเดินทางเข้าสหรัฐฯ หรือไม่ หรือดูประวัติของการแต่งงาน เขาจะพิจารณาในทุกแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับกรณีนั้นๆอย่างเฉพาะเจาะจงลงไปทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายที่เก่งๆ จะต้องใช้ทักษะในการให้คำแนะนำและการเตรียมตัวลูกค้าให้พร้อมต่อการสัมภาษณ์ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของสถานการณ์ของแต่ละรายเป็นสำคัญ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การจดคำถามเป็นข้อๆจึงไม่ใช่วิธีที่จะเตรียมตัวเพื่อการสัมภาษณ์แต่อย่างใด ผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมายที่ดีจะต้องบอกลูกค้าว่า “ภายใต้สถานการณ์แบบใด คุณน่าจะเจอคำถามชนิดใด” ยกตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ของผู้ยื่นคำร้องที่ไม่เคยไปสหรัฐฯมาก่อน แต่งงานกับพลเมืองสหรัฐฯมาแล้วเป็นเวลา 10 ปี ไม่มีประวัติอาชญากรรม และไม่มีเหตุผลทางกฏหมายที่จะไม่อนุญาตให้เข้าสหรัฐฯ ย่อมจะเจอกับคำถามที่แตกต่างกับกรณีของผู้ที่แต่งงานมาเพียงสองปีกว่า เคยไปสหรัฐฯ อาจอยู่เกินวีซ่าและอาจมีเหตุผลทางกฎหมายที่จะไม่อนุญาตให้เข้าสหรัฐฯด้วย ผมจะมองลูกค้าสองรายนี้ด้วยมุมมองที่ต่างกันและให้คำแนะนำและความช่วยเหลือที่ต่างกัน
โดยสรุป ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายไม่ได้มีหน้าที่จัดเตรียมคำพูดสวยหรูหรือหาวิธีหลบเลี่ยงคำถามให้กับลูกค้า แต่จะช่วยให้ผู้ที่จะเข้าสัมภาษณ์ สามารถตอบคำถามได้อย่างรัดกุมและตรงประเด็น แม่นยำ เพราะเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตหรือสถานกงสุลที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์ผู้ยื่นคำร้อง ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะพยายามทำให้ลูกค้างุนงง หรือสับสน พวกเขาก็ต้องการให้งานของเขาสำเร็จลุล่วง แต่ก็ต้องทำการพินิจพิเคราะห์ข้อมูลอย่างถี่ถ้วน และคอยสังเกตุหาสิ่งผิดปกติที่อาจมีขึ้นได้ ในบางกรณีพวกเขาจำเป็นต้องค้นหาข้อเท็จจริงและบทสรุปทางข้อกฎหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะในกรณีที่มีเหตุผลทางกฏหมายที่จะไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ ดังนั้นเจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงไม่ได้พยายามที่จะสร้างปัญหาให้ผู้เข้าสัมภาษณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ทำตามหน้าที่ในการวิเคราะห์หลักฐานเพื่อตรวจสอบว่าบุคคลผู้นี้ควรจะได้รับวีซ่าหรือไม่ เท่านั้น
ดังนั้น ในวิดีโอม้วนนี้ ผมอยากจะบอกว่า ควรจะหาผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมายที่เก่งๆไว้ เพราะเขาจะช่วยเหลือคุณในการเตรียมคำตอบที่กระชับและตรงประเด็นสำหรับคำถามต่างๆในการสัมภาษณ์ โดยยึดถือตามสภาพแวดล้อมของลูกค้าแต่ละคน และนอกจากนี้ เขายังจะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และทำให้ลูกค้ามีความสบายใจในระดับหนึ่ง เพราะหลายรายจะเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยความรู้สึกประหม่าและสับสนเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ตัวผมเองซึ่งเคยผ่านกระบวนการนี้ด้วยตนเองมาแล้ว ก็ยังคิดว่าการผ่านขั้นตอนการเข้าเมืองเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการที่ผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถตอบคำถามได้อย่างรัดกุมและตรงประเด็นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของตัวเอง จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก็เป็นที่หวังได้ว่าคำร้องของคุณจะได้รับการพิจารณาบทสรุปในเชิงบวก