Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawเรื่อง การปรับสถานะ ว่าด้วย เหตุผลที่ทำไมการขอวีซ่า K-3 จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

เรื่อง การปรับสถานะ ว่าด้วย เหตุผลที่ทำไมการขอวีซ่า K-3 จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

Please see English language transcript at: K3 Visa from Thailand.

วีดีโอม้วนนี้จะกล่าวถึงวีซ่า K-3 (ประเภทคู่สมรส) เฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับ”ข้อเสีย”ของวีซ่า K-3 (มีวีดโอม้วนอื่นที่ได้กล่าวถึง”ข้อดี”ไปเรียบร้อยแล้ว) ผมเคยกล่าวมาแล้วบ้างเกี่ยวกับข้อเสียของวีซ่า K-3 แต่ ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญพบว่า บ่อยครั้งที่วีซ่า K-3 ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งผมจะได้อธิบายในรายละเอียดต่อไป

ในอดีต วีซ่า K-3 ได้ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย Life Act โดยประธานาธิบดี Clinton ซึ่งต้องย้อนกลับไปในยุคปี 1990 เพราะในสมัยนั้น กระบวนการเกี่ยวกับวีซ่าคู่สมรสช้เวลานานมาก  ในขณะนั้น หน่วย INS (ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็น USCIS ภายใต้ DHS) มีงานค้างเป็นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ  แค่กรณีธรรมดาทั่วไปที่พลเมืองชาวอเมริกันแต่งงานกับชาวต่างชาติก็ต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 2-3 ปี หรือมากกว่า เพื่อที่จะได้รับอนุมัติวีซ่า แต่ในขณะเดียวกัน กระบวนการของวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) ใช้เวลาเพียง 6-8 เดือนเท่านั้น ผมเคยได้ข่าวมาว่าคู่สมรสบางคู่ยอมจดทะเบียนหย่ากันก่อนด้วยซ้ำ เพื่อที่จะสามารถยื่นขอทำวีซ่าประเภทคู่หมั้นแทน เพราะเร็วกว่า

เพื่อเป็นการแก้ปัญหา สภาคองเกรสจึงออกแบบวีซ่า K-3 เพื่อใช้เป็นทางออก โดยอธิบายว่า “เราจะนำวีซ่าคู่สมรสแบบใดแบบหนึ่งมาปรับใช้ เฉพาะในกรณีของชาวต่างชาติที่สมรสกับพลเมืองอเมริกัน ซึ่งขณะนี้สามารถยื่นคำร้องเสริม ได้แล้ว อันจะเป็นทางลัดให้ได้รับอนุมัติเร็วขึ้น” ในเวลานั้น วีซ่าประเภทนี้เป็นความคิดที่ดีมากเพราะตามปกติ การดำเนินการตาม I-130 จะใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ K-3 สามารถที่จะลดเวลาลงได้มาก อย่างไรก็ตาม วีซ่า K-3 ไม่ใช่วีซ่าถาวร ซึ่งคงเข้าใจได้จากหัวข้อเรื่องวีดีโอนี้

เมื่อเดินทางเข้าสหรัฐฯ คู่สมรสชาวต่างชาติมีทางเลือก 2 ช่องทาง ทางเลือกที่หนึ่งคือ ขอปรับสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งเฉพาะค่ายื่นคำร้องอย่างเดียวก็ต้องจ่ายประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ แล้ว ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับทางเลือกที่สองคือ ดำเนินการผ่านทางสถานกงสุลที่ตั้งอยู่นอกสหรัฐฯ ในความคิดเห็นของผมข้อเสียของวิธีนี้ก็คือ สถานะการเข้าเมืองของผู้นั้นจะยังไม่เป็นข้อยุติ   ดังนั้น  วีซ่า K-3 ที่ช่วยเป็นทางลัดให้ได้รับอนุมัติวีซ่าคู่สมรสได้เร็วขึ้น ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้น แต่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าควรเก็บวีซ่า K-3 ไว้เป็นเพียงอีกทางเลือกหนึ่งเท่านั้น หากวันใด เกิดความล่าช้าในกระบวนการทำวีซ่าคู่สมรส ก็สามารถใช้วีซ่า K-3 มาเป็นตัวแก้ปัญหาได้ เหมือนกับเป็นช่องระบายความดันที่พร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น 

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ในปัจจุบันวีซ่าคู่สมรสมีกระบวนการที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ผมจึงคิดว่าวีซ่า K-3 ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ด้วยเหตุผลหลักคือ ผู้ได้รับวีซ่า ยังต้องมีการปรับสถานะอีกรอบหนึ่ง แต่ถ้าใช้วีซ่า CR-1 หรือ IR-1 ก็ไม่จำเป็นต้องมีการปรับสถานะ  หมายความว่า ชาวต่างชาติที่เข้าประเทศด้วยวีซ่า CR-1 หรือ IR-1 จะได้เป็นผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่ว่าจะพำนักอยู่อย่างมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไขก็ตาม อีกทั้ง ไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มและไม่ต้องเข้ากระบวนการอื่นอีก เพราะจะได้รับสถานะผู้เข้าเมืองที่ถูกต้องทันทีที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ